“จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ

จงขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี”

(1 เธสะโลนิกา 5:16)

ข้าพเจ้าได้รู้จักคำๆ หนึ่งที่น่าสนใจคือคำว่า “จิตตปัญญาศึกษา”

ซึ่งเป็นรูปแบบการศึกษาทางจิตวิญญาณมนุษย์  กำเนิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนาโรปะ

ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเชอเกียม  ตรุงปะ รินโปเช

ผู้นำจิตวิญญาณชาวทิเบต

ซึ่งจิตตปัญญาศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่การสืบค้นสำรวจภายในตนเอง

เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์

ด้วยกิจกรรมต่างๆ แต่ที่ข้าพเจ้าสนใจ คือ การปฏิบัติธรรมหรือการภาวนารูปแบบต่างๆ

ทำให้ข้าพเจ้านึกไปถึงการภาวนาที่สวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง

นั่นคือการภาวนาแบบเทเซ่ ที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่ชุมชนเทเซ่

ประเทศฝรั่งเศส ด้วยการนำของบราเดอร์โรเจอร์

ข้าพเจ้าเคยไปสัมผัสชีวิตที่นั่นในสมัยที่ข้าพเจ้ายังเป็นเยาวชนในช่วงแรกๆ

บรรยากาศการภาวนาท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย

กับผู้คนที่ดูเป็นมิตรมากมายรอบข้างจากทุกประเทศทั่วโลก

ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดเลย

ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงความรัก  ความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ท่ามกลางเสียงเพลง และพระวาจาที่เยือกเย็นในใจ

ท่ามกลางแสงเทียนแท่งน้อยๆหลายร้อยเล่มในมือของผู้ที่กำลังต้องการพลัง

จากการภาวนา จากการสนทนากับพระเจ้า จากการสร้างสัมพันธภาพกับพระองค์

ทุกวันนี้สภาพแวดล้อม การดำเนินชีวิตของผู้คน

ต้องดิ้นรน ต่อสู้เพื่อตัวเองและครอบครัวทั้งสิ้น

เวลาแห่งการสงบเงียบสำหรับตนเองเพื่อติดต่อกับพระเจ้าเริ่มจางหายไป

แม้แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าเองด้วยเช่นกัน

ยังดีที่ข้าพเจ้าถูกรายล้อมด้วยบรรยากาศคาทอลิก  และกิจกรรมทางศาสนา

ทั้งยังมีครอบครัวที่คอยนำพระพรของพระเจ้าให้แก่กันและกันไม่เคยจางหาย

แต่ถึงกระนั้น เส้นทางของความชอบธรรมในชีวิตข้าพเจ้า

ก็ยังกระท่อนกระแท่นอยู่เสมอ

แล้วเยาวชนอีกมากมายที่ไม่เคยได้สัมผัสกิจศรัทธา

หรือการภาวนาเลยเล่าจะเป็นอย่างไร

“ขอองค์พระเจ้าผู้ประทานสันติ

บันดาลให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์”

(1 เธสะโลนิกา 16:23)

การเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ดูออกจะยากกว่าการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์

เพราะหากชีวิตไร้พระพรจากพระจิตเจ้า

ซึ่งนั่นหมายความว่าชีวิตไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าเลย

จิตวิญญาณที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าก็ยากนัก

ข้าพเจ้ามีความตั้งใจจะพยายามแบ่งช่วงเวลาเพื่อการภาวนาบ้าง

อย่างน้อยก็นำภาวนาไปกับเด็กๆที่ข้าพเจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการอบรมบ่มนิสัย

โดยหวังว่าเราจะเจริญชีวิตภายในไปด้วยกันก้าวละน้อยๆ อย่างมั่นคงสวยงาม

อย่างน้อยก็ให้กิจการนี้ เป็นพยานถึงพระเจ้าผู้เป็นแสงสว่างนำทางข้าพเจ้า

ให้เดินตามพระองค์ไปพร้อมกับเด็กน้อยในความดูแลของข้าพเจ้าอย่างดีที่สุด

“เขาไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงความสว่าง”

(ยอห์น 1:6)

เราจะทำกิจการใดแล้วประสบความสำเร็จก็เพราะเรามีใจรักในกิจการนั้น

การภาวนาก็เช่นกัน ข้าพเจ้าคิดว่าหากเรามีรูปแบบการภาวนาที่เราชอบ

เราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับการภาวนานั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น

และที่สำคัญ เราจะพบความสวยงามจากการภาวนานั้นในทุกๆครั้งที่ภาวนา

ตั้งดวงจิต   อธิษฐาน  ผ่านความรัก

ให้วิญญาณ  ได้พิงพัก   ความรักนี้

สายสัมพันธ์  ฉันและพระ  ผู้ปราณี

ดั่งมณี  ฉายแสงส่อง  ช่องทางธรรม

เพราะมีพระ  เป็นแสงทอง  คอยส่องจิต

ส่องชีวิต  จิตวิญญาณ  ให้เลิศล้ำ

ไม่หวั่นกลัว  เพราะยังมี  พระองค์นำ

มีพระคำ  ย้ำเตือนใจ  ไม่หลงทาง

.....................................

S