“จงระวัง จงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้ว่า

วันเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร”

(มาระโก 13:33)

เด็กเล็กในช่วงวัยกำลังฝึกคลาน ฝึกเดิน

เป็นช่วงเวลาที่ผู้ใหญ่คลาดสายตาไม่ได้เลยทีเดียว

คุณยายเลี้ยงหลานชายวัยขวบกว่าๆ อยู่ที่ระเบียงบ้านพื้นยกระดับสูง

คุณยายเผลอหลับไปช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึงนาที

พอคุณยายลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าหลานชายคลานไปจนถึงสุดขอบระเบียงแล้ว

และกำลังจะคลานต่อไปอย่างไม่รู้ถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเลย

คุณยายรีบคว้าตัวหลายชายมากอดไว้อย่างรวดเร็ว

การข่มตาไม่ให้หลับในยามที่รู้สึกอ่อนล้า เพลีย และต้องการการพักผ่อน

มันแสนจะลำบากเพียงใด

การเฝ้าจดจ่อ ดูแล เอาใจใส่ ริ้นไรไม่ให้ไต่ตอมหลานชายสุดที่รัก

มันเหนื่อยยากใช่ไหม

แต่ถ้าเรารักสิ่งที่เราทำ เราก็จะยอมเหนื่อยยากตรากตรำลำบากอย่างไม่ย่อท้อ

การเฝ้าระวัง และการรอคอย ก็เช่นกัน

ทุกๆวันล้วนมีภาระปัญหาให้เราได้เหนื่อยยากอยู่เสมอ

เรายอมที่จะฟันฝ่า ตั้งรับ และพัฒนาตนเองบนความเหนื่อยยากอย่างอดทนเพียงใด

การตื่นเฝ้าระวังไม่ง่าย แต่ถ้าเรามองเห็นจุดหมายปลายทางของการรอคอย

เรามองเห็นผู้ที่เป็นเจ้าชีวิตของเราอยู่ตรงจุดหมายปลายทางนั้น

เรามีความเชื่อ มีความหวัง และมีความรักที่จะตื่นเฝ้า ระวัง และรอคอย

เราจะไม่พลาดในวันเวลาที่นายกลับมา

ข้าพเจ้าย้ำเด็กๆเสมอว่า ทุกเช้าที่เราตื่นขึ้นมาถือว่าเป็นพระพรที่สุดแล้ว

ทุกวันที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราทำอะไรลงไปบ้าง

ทุกนาทีที่เราดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คน เราสร้างคุณค่าอะไรให้ใครบ้าง

ทุกๆกิจการดีที่เรากระทำลงไปนั้น

เป็นเหมือนการตื่นเฝ้าอย่างระวัง เป็นเหมือนการเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ

เพราะว่าเราไม่รู้ว่าวันเวลานั้นจะมาเมื่อใด

“พระองค์เสด็จมาพบผู้ที่ยินดีปฏิบัติความยุติธรรม

และระลึกถึงพระองค์โดยเดินตามหนทางของพระองค์”

(อิสยาห์ 64:5)

จุดหมายปลายทางของชีวิตเราจะเป็นอย่างไร เราไม่อาจล่วงรู้ได้

แต่การดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน

จะเป็นหลักประกันให้เรามั่นใจได้ว่า

เราจะเดินไปถึงจุดหมายอย่างไร

หลับใหล มัวเมา ลุ่มหลง แสวงหาความสุขสบายไปตลอดทาง

หรือตื่นเฝ้า  อดทน มีความหวัง สร้างความรัก และกลับใจอยู่เสมอ

ทุกสิ่งล้วนเป็นตัวเราที่สร้าง ทุกสิ่งล้วนเป็นตัวเราที่เลือกกระทำ

จงระวัง พลันตื่นเฝ้า อยู่เสมอ

เสียงล้นเอ่อ  ด้วยความรัก อันยิ่งใหญ่

พระเมตตา  ปรานี  ดีต่อใจ

เตือนลูกให้  ไม่หลงเพลิน เดินทางทัณฑ์

แม้เหนื่อยยาก  ลำบาก  สักปานใด

เพราะพระองค์ ทรงเสริมให้  ไม่ไหวหวั่น

จะก้าวเดิน  สู่จุดหมาย ปลายทางนั้น

แดนสวรรค์  อันสว่าง  ทางที่รอ

............................

S