“ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์
ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์”
(1ยอห์น 3:3)
..............................................................
มนุษย์พยายามที่จะศึกษาแม้แต่ตัวของมนุษย์ด้วยกันเอง
เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
มีนักการศึกษา นักจิตวิทยา จิตแพทย์ หลายท่านตั้งแต่ในอดีต
ที่พยายามศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของมนุษย์
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) นักจิตวิทยา
ผู้นำกลุ่มทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ชาวออสเตรีย เชื้อสายยิว
ได้กล่าวว่า ศาสนาเป็นตัวกดสันชาตญาณดิบของมนุษย์เอาไว้
โดยเขาได้เขียนงานชิ้นหนึ่งซึ่งกล่าวถึงโครงสร้างทางจิตของมนุษย์อันประกอบด้วย
อิด (Id) เป็นส่วนหนึ่งของจิต
ซึ่งเดิมเชื่อว่าเป็นจิตไร้สำนึกที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณและความต้องการ
โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับปีศาจและมารร้ายที่อยู่ในใจมนุษย์
ซูเปอร์อีโก้ (Super Ego) หมายถึงคุณธรรม ความดีงาม ประเพณีและจริยธรรม
เป็นศีลธรรมและความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ
เป็นคุณสมบัติที่ได้รับจากการอบรมสั่งสอน การถูกควบคุมจากพ่อแม่ ครูโดยตรง
หรือจากหลักธรรมทางศาสนา ขนบธรรมเนียมอันดีงามที่หล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก
อีโก้ (Ego) เป็นตัวกลางระหว่าง Id กับ Super Ego
ทำหน้าที่ตัดสินใจหรือขัดแย้งในใจตามหลักเหตุผลและความจริง
ซึ่งฝ่ายอธรรมอาจจะชนะหรือแม้ธรรมะก็ได้
อยู่กับการตัดสินใจนั้น
จึงมีการสรุปได้ว่า...จิตของใครมี Super Ego จิตนั้นจะสงบร่มเย็น
ไม่มีความขัดแย้งภายในใจ
..........................................
ในฐานะลูกของพระ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกคำสอน ทุกแบบอย่าง
หรือแม้แต่ชีวิต ที่พระเจ้าทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้น
เป็นของพระเจ้าทั้งสิ้น
ดังนั้น ต่อให้ จิตใจของข้าพเจ้าหลงทางผิดยึดเอา Id เป็นที่ตั้งในการดำเนินชีวิต
หรือเอา Ego ฝ่ายอธรรมมาเป็นใหญ่เบียดบัง Super Ego ที่พระเจ้าทรงมอบให้
ข้าพเจ้าก็จะไม่ทดท้อที่จะกลับมาอยู่ในเส้นทางของพระองค์
อยู่ในการทรงนำของพระเจ้า
คงไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่เคยผิดพลาดพลั้งมาเลยตลอดชีวิต
แต่มนุษย์ที่ผิดพลาดพลั้งแล้วพยายามกลับตัวกลับใจนั้น
ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า พระเจ้าจะทรงเยียวยารักษาและโอบอุ้มเขาไว้
ข้าพเจ้าชอบภาพพระเยซูเจ้าทรงโอบอุ้มลูกแกะของพระองค์
เห็นภาพนี้คราใด ข้าพเจ้าคิดถึงตัวข้าพเจ้าเอง
ซึ่งก็เป็นเหมือนแกะหลงทาง บาดเจ็บ และดั้นด้นกลับมาหาพระเจ้า
ให้พระองค์ทรงเยียวยารักษาและนำพาข้าพเจ้ากลับไปยังคอกแกะอย่างปลอดภัย
บทเทศน์สอนของพระเยซูเจ้าบนภูเขาก็เช่นเดียวกัน
เป็นข้อคำสอนที่จะคอยกด Id ในจิตให้ไม่แสดงพลังอันแข็งกระด้างออกมา
คำสอนแห่งความนบนอบ ถ่อมตน จะคอยกล่อมเกลาชีวิตคริสตชน
ให้อ่อนโยนและมีจิตใจที่ร่มเย็นเป็นสุข
อยู่ที่ใด กับใคร ก็เป็นเสมือนธารน้ำใสไหลเย็นชื่นใจแก่คนรอบข้าง
พระเยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสสอนว่า
“ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่าง ๆ นานาเพราะเรา
จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก
เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน”
(มัทธิว 5:2-12)
สุขแท้จริง คือทุกสิ่ง ในพระเจ้า
มอบตัวเรา เข้าถวาย กายใจนี้
จะสุขทุกข์ รุกราน มารชีวี
ก็จะยึด ทางความดี เป็นชีวัน
แม้บางครา หลงนอกทาง แห่งความรัก
พระเมตตา ปกปักษ์ พิทักษ์ฉัน
โปรดทรงสอน เพื่อลูกพบ ทางครบครัน
ทางสวรรค์ นั้นสวยงาม ตามพระพร
....................................... |