“ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริงๆ
สงสัยทำไมเล่า”
(มัทธิว 14:31)
ครั้งหนึ่งเมื่อหน่วยงานกำลังเตรียมจัดงานใหญ่ขึ้นในที่แจ้ง
วันงานบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน และมีเม็ดฝนโปรยลงมาประปราย
เพื่อนร่วมงานต่างความเชื่อถามข้าพเจ้าว่าฝนจะตกไหมพี่
และบอกกับข้าพเจ้าต่ออีกว่าเมื่อเช้าหนูไปขอแม่พระมาแล้วนะว่าอย่าให้ฝนตกเลย
แต่พี่ดูฟ้าสิ พี่ว่าคำวอนขอของหนูจะได้ผลไหม
ข้าพเจ้าในฐานะลูกพระโดยแท้จริง แหงนมองท้องฟ้าอย่างลังเล
จะยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงว่าไม่ตกแน่นอนก็ไม่กล้า
เพราะสายฝนก็ยังร่วงหล่นกระทบกายข้าพเจ้าไม่ว่างเว้น
ข้าพเจ้าช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงเยาวชนคาทอลิกกลุ่มหนึ่งที่เกริ่นขึ้นมาว่า
เขาสงสัย และรู้สึกไม่เชื่อถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์เอาเสียเลย
มันขัดแย้งกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาเรียนมา
ข้าพเจ้ารู้สึกโกรธ ผิดหวัง เสียใจ ในวินาทีที่พวกเขากล่าวเช่นนั้น
แต่เมื่อย้อนกลับมาดูชีวิตตนเองที่พูดอยู่เสมอว่าข้าพเจ้าเชื่อๆ
แต่นั่นก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้น
เมื่อถึงเหตุการณ์ที่จะต้องยืนยันความเชื่อของตน
ข้าพเจ้ากลับลังเล สงสัย ไม่มั่นใจ หวาดกลัวไปเสียหมด
แท้จริงแล้วทีเดียว ที่ผู้หลักผู้ใหญ่คอยพร่ำสอนว่า ความเชื่อเป็นพระพร
ถ้าเราไม่สวดภาวนา ไม่ทำกิจศรัทธา ละเลยต่อชีวิตจิต
ความเชื่อของเราจะจืดจางและหายไป
ความสงสัยรวมไปถึงหัวใจที่ขาดความเชื่อก็เป็นเหมือนกำแพง
ที่คอยขวางกั้นพระพรของพระเจ้าที่จะส่งต่อมาให้เรา
สิ่งเดียวที่เราจะกระทำได้คือขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ให้พระองค์โปรดทะลายกำแพงนั้นเสีย
ด้วยการหมั่นทำกิจศรัทธา สวดภาวนา อ่านพระวาจาให้เป็นชีวิต
“พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย”
(มัทธิว 14:30)
ข้าพเจ้าไม่ใช่คาทอลิกที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณความดี
ความสมบูรณ์ และความเชื่อที่เต็มร้อย
แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ามี คือความพยายามที่จะต้องเป็นลูกที่ดีของพระให้จงได้
ผ่านกิจการเล็กๆน้อยที่ข้าพเจ้าพอจะกระทำได้
ผ่านพระพรที่พระมอบให้และข้าพเจ้าสามารถนำพระพรนั้นไปรับใช้คนอื่นได้บ้าง
ผ่านกิจการที่ผิดพลาดพลั้งไปในแต่ละวัน และนาทีแห่งการกลับใจ
ผ่านคำปฏิญาณกับใจของตนเองว่าจะไม่กลับไปทำผิดพลาดพลั้งเช่นนั้นอีก
“พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย”
(มัทธิว 14:30)
ในวันที่ข้าพเจ้ารู้สึกทดท้อที่จะนำพระพรไปสู่คนรอบข้าง
ในวันที่ข้าพเจ้าหมดแรงที่จะทำหน้าที่ของตนเอง
ในวันที่เหมือนจะต่อสู้เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว
เสียงหนึ่งก็เตือนข้าพเจ้าว่า
“ลูกเป็นประจักษ์พยานของพระคริสต์ จงมีความเชื่อเถิด
แล้วทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตลูกจะผ่านพ้นไปด้วยดี”
ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือชิ้นน้อยๆของพระเจ้า
ที่พยายามจะพัฒนาตนเองเพื่อให้เป็นเครื่องมือที่มีคุณภาพพอที่
จะทำงานของพระองค์
ส่วนความสำเร็จ ความสมบูรณ์ เป็นหน้าที่ของพระเจ้า
ที่ข้าพเจ้ามิอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยหากไร้อำนาจของพระองค์
เหมือนบทเพลงภารกิจแห่งรักท่อนหนึ่งที่ขับร้องไว้ว่า
“หากไร้พระองค์ ลูกคงไม่อาจทำสิ่งใด
ฝากชีวิตไว้มอบให้พระองค์แลดู”
“ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร
และแผ่นดินของเราก็จะให้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย
ความเที่ยงธรรมจะเดินนำหน้าพระองค์
เบิกทางให้ทรงพระดำเนิน”
(สดุดี 85:12-13)
พระเจ้าข้า โปรดเมตตา ช่วยข้าฯด้วย
โปรดทรงอวย- พรข้าฯ คราล้าอ่อน
วันที่โลก ทอดทิ้งข้า ฯ อย่าตัดรอน
นำพระพร สอนข้าฯ เดินหน้าไป
โปรดทรงเติม เต็มข้าฯ ด้วยพลัง
มีความหวัง ความเชื่อ รักรับใช้
โปรดทรงยืน เคียงข้างข้าฯ นิรันดร์ไป
ให้ข้าฯได้ ใช้ชีวี ถวายพระองค์
............................ |