“ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชาย
ไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คน
แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา
พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์
ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง”
(มัทธิว 17:1-2)
...............................................
หลายครั้งที่เปโตร ยากอบ และยอห์น ได้มีประสบการณ์ร่วมกับพระเยซูเจ้า
ถ้าจะว่าไปแล้วข้าพเจ้าก็แอบอิจฉาท่านทั้ง 3 อยู่ไม่น้อย
ทำไมพระเยซูเจ้าจึงเลือก และเรียกท่านทั้ง 3 ให้ได้มีประสบการณ์ร่วมกับพระองค์
อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกให้เกิดมาเป็นลูกของพระองค์
ตั้งแต่แรกเกิด พร้อมประสบการณ์ชีวิตทั้งดีและร้าย
ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาความเชื่อของข้าพเจ้ามากมายเหลือเกิน
ข้าพเจ้าเริ่มต้นประสบการณ์ความเชื่อผ่านผู้ใหญ่ใจดี
ที่กรุณาส่งข้าพเจ้าไปอบรมคอร์สพระคัมภีร์
และในระหว่างที่อบรมนี้ ข้าพเจ้าก็ได้รับประสบการณ์กับพระเจ้า
ผ่านช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่เลวร้าย
ผ่านช่วงเวลาที่ผิดพลาด และช่วงเวลาที่กลับใจใหม่
ทั้งหมดนี้หล่อหลอมข้าพเจ้าให้เจริญชีวิตใหม่อย่างรอบคอบยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าเชื่อว่า...ความรู้จากพระคัมภีร์จะฝั่งแน่นในจิตวิญญาณได้
ต้องผ่านประสบการณ์ตรงกับพระเจ้าด้วย
ดังนั้น การศึกษาเรียนรู้พระคัมภีร์จึงควรจะควบคู่ไปกับ
การรับประสบการณ์กับพระเจ้าโดยตรง
ข้าพเจ้าจำได้ว่ามีผู้นำข้าพเจ้านั่งสมาธิตอนยังเล็กนัก
สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยินผู้นำสมาธิพูดเสมอคือ
ตัดสิ่งที่จะดึงความสนใจเราจากพระเจ้าออกเสีย
เช่น ความวุ่นวาย ปัญหา ความคิดที่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ
สิ่งเหล่านั้นจะดึงเราให้ติดต่อกับพระเจ้าไม่ได้
ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรให้เด็กๆเยาวชนรุ่นใหม่มีประสบการณ์กับพระเจ้าได้บ้าง
“โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนากัพระองค์”
(มัทธิว 17:3)
ข้าพเจ้าอ่านทบทวนประสบการณ์ของโมเสส และประกาศกเอลียาห์
ท่านทั้ง 2 มีประสบการณ์กับพระเจ้าบนภูเขา
โมเสสพบพระเจ้าบนภูเขาซีนาย และรับพระบัญญัติ
ประกาศกเอลียาห์ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าบนภูเขาโฮเรบ
และ ณ บนภูเขาเฮอร์โมน เปโตร ยากอบและยอห์น
ได้มีประสบการณ์กับพระเจ้าเช่นกัน
ชีวิตประจำวันของมนุษย์โลกมันช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน
ทุกชีวิตต่างเฝ้ารอวันเวลาแห่งการพักผ่อน
ข้าพเจ้าเองก็เช่นกัน นับวันรอคอยวันหยุดเพื่อหาที่ที่สงบพักกายใจ
ทั้งๆที่ในแต่ละวันข้าพเจ้าก็สามารถจะเก็บเกี่ยวความสงบเงียบได้เหมือนกัน
10 นาที 30นาที ยามเย็น ช่วงพัก ก่อนนอน
แต่ข้าพเจ้ากลับใช้เวลาเหล่านั้นไปกับเครื่องมือสื่อสาร ความคิดฟุ้งซ่านไร้ประโยชน์
แทนที่จะหยุด และหามุมสงบเพื่อฟังเสียงของพระเจ้าบ้าง
ดีแต่ว่า ข้าพเจ้ายังได้รับมอบหมายให้ไตร่ตรองพระวาจาในแต่ละสัปดาห์
สิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสำคัญของวิญญาณข้าพเจ้า
เพราะหากข้าพเจ้าไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่นี้
ข้าพเจ้าคงใช้ช่วงเวลาอันมีค่ากับพระเจ้าไปกับวังวนของชีวิตมนุษย์โลก
พระวาจาของพระเจ้าคอยดึง ยื้อจิตวิญญาณของข้าพเจ้าให้เดินตรงทางมากขึ้น
ขอพระเจ้าโปรดสำแดงพระองค์แก่วิญญาณข้าพเจ้าด้วยเถิด
“ดาวประจำรุ่งจะปรากฏขึ้นในจิตใจของท่าน”
(2 เปโตร 1:19)
............................ |