“ผู้คนที่ผ่านไปมา ต่างสบประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย...

...โจรที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนพร้อมกับพระองค์ก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย”

(มัทธิว 27:29,44)

...................................................

เราต้องใช้ความอดทนพยายามมากเท่าใด

เราจึงจะสามารถควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ของเรา

ไม่ให้ไปทำร้ายคนรอบข้างได้

โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีความน่ารักในความรู้สึกของเราเลย

บางครั้งความรู้สึกถูกกดดัน บีบคั้น การถูกเอาเปรียบ

ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า เราจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ ฟาดฟัน

เพื่อเอาชนะบุคคลเหล่านั้นให้จงได้

เมื่อใจบอกให้ต่อสู้ทุกรูปแบบ

สมองก็วางแผนอยู่เงียบๆ เพื่อเอาชนะทั้งทางตรงและทางอ้อม

และเมื่อเราชนะ  เราก็แอบหัวเราะเยาะบุคคลเหล่านั้นอยู่ในใจ

มันกลับกลายเป็นวัฏจักรแห่งการแก้แค้น

เพราะเราไม่อาจนิ่งเฉยได้เมื่อถูกทำร้าย

แต่....พระเยซูเจ้ากลับนิ่งเฉย ท่ามกลางเสียงเยาะเย้ยถากถาง

ไม่ใช่จากใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

แต่มันเป็นเสียงเยาะเย้ยจากผู้คนที่ผ่านไปมา

และแม้แต่โจรที่กำลังจะก้าวไปสู่ความตายพร้อมกับพระองค์

ก็ยังเยาะเย้ยพระองค์ซ้ำอีกด้วย

ทำไมพวกเขาจึงเยาะเย้ยพระองค์

เพราะในวันที่พระองค์ถูกทำร้าย เขารู้สึกถึงความเหนือกว่า

พวกเขาอิจฉาในอำนาจของพระองค์ที่พวกเขาไม่มี

ไม่แปลกเลยที่หลายครั้งผู้คนที่ใช้ชีวิตแข่งขันกันในการทำงาน

จะทำร้ายกันและกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาอิจฉากัน

แต่ตราบใดที่เรามั่นใจในการกระทำของเรา

ว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง ไม่ทำร้ายใคร และพัฒนาส่วนรวม

เราก็จะยังคงมุ่งมั่นกระทำมันต่อไปอย่างอดทน

 “ข้าพเจ้าทำหน้าของข้าพเจ้าให้ด้านเหมือนหิน

ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะไม่อับอาย”

(อิสยาห์ 50:7)

ข้าพเจ้ามั่นใจว่า ตราบใดที่พระเจ้ายังคงเมตตาข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจะผ่านช่วงวันเวลาที่เลวร้าย

ผ่านบุคคลที่ไม่น่ารัก และบุคคลที่พร้อมจะทำร้ายข้าพเจ้าไปได้อย่างดี

และทุกกิจการดีที่ข้าพเจ้าได้กระทำไปในแต่ละวัน

จะเป็นเสมือนโล่ปกป้องคุ้มกันภัยข้าพเจ้า

ทุกความสำนึกในความผิดบาปที่ข้าพเจ้ามี

จะนำพระพรและพระเมตตาลงมายังข้าพเจ้า

ทุกกิจการและคำพูดของข้าพเจ้า

พระเจ้าจะเป็นผู้กำกับดูแล

ให้ทุกการกระทำเป็นพระพรเพื่อคนรอบข้าง

ให้ทุกคำพูดเป็นพลังสำหรับผู้อื่น

แม้แต่คนที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้าก็ตาม

“องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ข้าพเจ้ามีลิ้น

เหมือนลิ้นของศิษย์ที่พระองค์ทรงสอน

เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพูดจาให้กำลังใจแก่ผู้เหน็ดเหนื่อย”

(อิสยาห์ 50:4)

.......................................................

S