“ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป

จงตัดมันทิ้งเสีย  เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว

ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดตกนรก”

(มัทธิว 5:30)

เราใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเรา

เพื่อนำพระพรและสันติสุขไปมอบให้แก่ผู้อื่นหรือไม่

หรือเราใช้อวัยวะส่วนต่างๆที่พระมอบให้เอาไว้ทำร้ายคนรอบข้างเรา

เราใช้หูเพื่อฟังความทุกข์ยากของผู้อื่น

เราใช้ปากเพื่อปลอบประโลมใจเพื่อนพี่น้อง

เราใช้มือเพื่อช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก

หรือเราใช้หูเพื่อรับฟังเสียงนินทาว่าร้าย

หรือเราใช้ปากเพื่อกล่าวถ้อยคำผรุสวาททำร้ายคนรอบข้าง

หรือเราใช้มือเพื่อกอบโกยความสุขใส่ตนเอง

อันที่จริงแล้ว ร่างกายของเราก็ไม่ใช่ของเรา

เราไม่อาจห้ามวันเวลาแห่งความร่วงโรยของร่ายกายได้

แต่เราสามารถบังคับร่างกายให้กระทำสิ่งที่ดีดีเพื่อผู้อื่นได้

การบังคับร่างกายมันก็แสนยากเข็ญยิ่งนัก

ห้ามไม่ให้อยากในสิ่งที่อยาก  ห้ามไม่ให้ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ

บทเพลงสดุดีท่อนหนึ่งเขียนไว้ว่า

“พระองค์ทรงกำหนดข้อบังคับของพระองค์ไว้

ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”

(เพลงสดุดีที่ 119:34)

ข้อกำหนด ข้อบังคับ  กฎระเบียบ ล้วนเป็นกรอบให้มนุษย์ปฏิบัติตาม

เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

แต่หลายครั้งมนุษย์ชอบฝ่าฝืน แหกกฎ อยากทำตามอำเภอใจของตน

ตามความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของตน

เมื่อแหกกฎ ฝืนกฎบ่อยๆจนเป็นความเคยชิน

ก็ไม่คิดอีกต่อไปแล้วว่าสิ่งที่ตนทำนั้นผิดต่อความรัก

หรือผิดต่อความชอบธรรมอย่างไร

เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้ายังเล็ก ข้าพเจ้าไม่เข้าใจความเข้มงวดของบิดามารดานัก

ในขณะที่เพื่อนๆไม่เคยถูกบังคับให้ต้องมาร่วมมิสซาวันเสาร์ และอาทิตย์

แต่ข้าพเจ้ากลับต้องถูกบังคับ ถูกลากจูงไปวัดทุกเสาร์อาทิตย์ไม่เคยขาดเลย

การขาดวัดเป็นเสมือนความผิดร้ายแรงในความรู้สึกของข้าพเจ้า

เมื่อข้าพเจ้ามีครอบครัว  ข้าพเจ้าจึงเข้าใจแล้วว่า  ทำไมต้องบังคับอย่างเข้มงวด

ในขณะที่ข้าพเจ้าเคยเข้าวัดทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์เมื่อครั้งยังเล็ก

บัดนี้ข้าพเจ้ากลับพาครอบครัวเข้าวัดแค่ทุกวันอาทิตย์แทน

แม้จะยังคงสร้างความเข้มงวดให้กับบุตรธิดาในการเข้าวัดทุกวันอาทิตย์ก็ตาม

แต่ความเคร่งครัดกลับดูบางเบาลงไปจากสมัยข้าพเจ้ายังเล็กมากนัก

ข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลย ที่หลายครอบครัวเย็นชา และไม่ให้ความสำคัญกับการเข้าวัด

การปล่อยปละละเลยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระห่างไกลกันมากขึ้น

การมาหาพระกลายเป็นภาระในชีวิต

ที่จะต้องใช้ความพยายามเสียสละเวลาอย่างมากมาย

ตารางเวลาอื่นๆมีความสำคัญมากยิ่งกว่าการมาหาพระเสียแล้ว

ข้าพเจ้าเฝ้าพร่ำพูดและให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ให้ลูกๆรับทราบอยู่เสมอ

กลัวเหลือเกินว่ารุ่นลูกรุ่นหลานจะยิ่งห่างไกลพระไปเรื่อยๆ

ความสัมพันธ์ของเรากับพระอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องเคร่งครัด

เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตของพระศาสนจักรของเราจะเป็นอย่างไร

ถ้าคริสตชนมีใจเย็นชาลงเช่นนี้

“พระองค์ทรงวางน้ำและไฟไว้ต่อหน้าท่าน

ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง”

(บุตรสิรา 15:16)

พระเจ้าทรงมอบอำนาจในการใช้ร่างกายของเราไว้กับเรา

เรามีอิสระที่จะเลือก เราจะเลือกน้ำหรือไฟ เลือกความดีหรือความชั่ว

เลือกสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น

..............................................................

พระเจ้าทรง  วางน้ำ  และไฟไว้

จงยื่นมือ  ท่านไป  ให้เลือกสรร

น้ำและไฟ  เลือกได้  ตามใจพลัน

ทุกสิ่งนั้น  เลือกสรรได้  ตามใจเรา

ทั้งชีวิต  และความตาย  พระให้เลือก

ใจจะเกลือก กลั้วโคลนตรม  ให้หม่นเศร้า

หรือจะเลือก  น้ำใสใส  ล้างใจเรา

จงเลือกเอา  ตามแต่ใจ  เราต้องการ

.........................................

S