“อิมมานูเอล แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา”

(มัทธิว 1:23)

................................................................

เราจะทำผิดพลาดต่อคนที่รักเราได้สักกี่ครั้ง

และคนที่รักเราจะยังคงให้อภัย  อ้าแขนออกต้อนรับเราอยู่เสมอ

มนุษย์เราทำผิดพลาดมาตลอด

แต่ความรักของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่าความผิดพลาดนั้น

เพราะพระองค์ให้อภัยและอ้าแขนต้อนรับรอการกลับมาของเรา

“พระเจ้าสถิตกับเรา”

แม้ในวันที่เราผิดพลาดที่สุด

กี่ร้อยกี่พันปี พระองค์ก็ยังสถิตอยู่กับเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไหนเลย

ประสบการณ์ที่ผิดพลาดของข้าพเจ้ามากมายนัก

จนข้าพเจ้าแปลกใจกับสิ่งดีดีที่ได้รับ

มันมากมายจนข้าพเจ้าละอายใจกับข้อผิดพลาดที่ตนเองทำอยู่ตลอดมา

ในช่วงเวลาแห่งการทบทวนชีวิตและรอคอยองค์พระผู้ไถ่

เป็นทุกๆสิ้นปีที่ข้าพเจ้าพยายามหันกลับมาทบทวนตนเอง

ว่าตลอดปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ทำผิดพลาดอะไรไปบ้าง

และพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นบ้างหรือไม่

มีอะไรที่ยังไม่ได้แก้ไข หรือต้องรีบแก้ไขหรือเปล่า

ข้าพเจ้ามีข้อผิดพลาดเยอะมาก  มีบาปล้นหลาม

ตามแบบฉบับของมนุษย์ที่อ่อนแอ  เรียกได้ว่าผิดพลาดอย่างสมบูรณ์

เพียงแต่คนรอบข้างอาจจะมองไม่เห็น แต่ใจข้าพเจ้ารู้ดี

สิ่งเหล่านั้น ข้าพเจ้าต้องกลับมาทบทวนตนเอง

เพื่อให้ใจของข้าพเจ้าพร้อมกับการต้อนรับการบังเกิดมาให้ดีที่สุด

ผู้มีพระคุณท่านหนึ่งสอนข้าพเจ้าว่า

อย่าจมอยู่กับความบกพร่อง ผิดพลาดของตนเอง

เพราะเราจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้

ลุกขึ้นมาแก้ไข หรือถ้าแก้ไขไม่ได้ก็ให้เริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม

“อิมมานูเอล แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา”

(อิสยาห์ 7:14)

....................................................

เราต่างคนต่างทำหน้าที่แตกต่างกันไป

เราใช้พระพรที่แตกต่างกัน ใช้อาชีพการงานที่แตกต่างกัน

ในการนำพระพรไปสู่คนรอบข้าง

แม้ในวันที่ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายในอาชีพของตนเองก็ตาม

ข้าพเจ้าเป็นครู ไม่มีตำแหน่งใหญ่โตอะไร

เป็นเพียงครูตัวเล็กๆผู้ทำหน้าที่ประกาศข่าวดีในโรงเรียนคาทอลิก

มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ  บางภาระก็ตรงใจ บางภาระก็ขัดใจ

มีช่วงเวลาแห่งพลังในการทำหน้าที่ของตนอย่างดี

และก็มีช่วงเวลาแห่งความทดท้อ

จนอยากจะลาออกไปให้พ้นๆเสียจากความเหนื่อยหน่ายนี้

แต่ทุกครั้งก็มีเสียงสะกิดเตือนใจว่า

“หน้าที่ประกาศข่าวดีเป็นของข้าพเจ้า”

“จากเปาโล  ผู้รับใช้ของพระคริสตเยซู ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกมาเป็นอัครสาวก

และทรงมอบหมายให้ประกาศข่าวดี”

(โรม 1:1)

ข้าพเจ้ายังแปลกใจในแผนการของพระยิ่งนัก

ข้าพเจ้าจบสื่อสารมวลชน  ชอบงานสร้างสรรค์  งานศิลปะ ออกแบบ

ชอบงานอิสระ ไม่ชอบคนมารบกวนใจเวลาต้องใช้ความคิดและทำงาน

เมื่อครั้งข้าพเจ้าจบมาใหม่ๆ ข้าพเจ้าได้รับหน้าที่งานประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน

14 ปีกับหน้าที่งานประชาสัมพันธ์นี้

แล้วจู่ๆ ข้าพเจ้าก็ถูกเรียกให้มารับงานประกาศข่าวดีเต็มตัว

พร้อมกับการได้เข้าอบรม เรียนรู้พระคัมภีร์อีกหลายคอร์ส

ประสบการณ์ชีวิตสนิทกับพระที่แต่ก่อนหน้านี้ห่างไกลกับข้าพเจ้ายิ่งนัก

กลับถูกดึงให้มาใกล้ชิดจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน

ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า

“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้”

เพราะพระเจ้า ทรงสถิต  กับข้าพเจ้า

ทุกสิ่งเล่า เพราะพระเจ้า  จึงทำได้

มีพระพร  แห่งพระจิต  นำข้าฯไป

สิ่งใดใด  สำเร็จได้  ในพระองค์

...........................................

ร่วมเป็นหนึ่งเดียวในการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม

และรอคอยการบังเกิดมาขององค์พระผู้ไถ่ในใจของเราเอง

ผู้เป็นคนบาปและยอมรับในความบาปบกพร่องที่พร้อมจะแก้ไข

.....................................

S