“จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด”
(มัทธิว 3:3)
นักบุญยอห์นบัปติสต์ ผู้เตรียมหนทางของพระเจ้าให้ตรง
ส่วนข้าพเจ้าเล่า กลับทำให้หนทางของพระองค์ลดเลี้ยวคดเคี้ยววุ่นวายยิ่งนัก
หลายครั้งที่มนุษย์เรา....
นอกจากจะไม่เป็นผู้สร้างแล้ว ก็ยังเป็นผู้ทำลาย
นอกจากไม่เป็นผู้เติมเต็มแล้ว ก็ยังทำให้ขาดหาย
นอกจากไม่เป็นผู้ให้แล้ว ก็ยังกอบโกยเข้าตัว
นอกจากจะไม่มีแล้ว ก็ยังขาดความสุภาพถ่อมตน
ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าที่ใกล้จะมาถึงนี้
ข้าพเจ้าย้อนระลึกถึงสมัยยังเด็ก
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยจริงๆ
แต่แปลกที่เราไม่ได้รอคอยการบังเกิดมาขององค์พระผู้ไถ่
เรากลับรอคอยงานรื่นเริง สังสรรค์ การได้รับของขวัญที่มีค่า
ความสนุกสนาน เสียงเพลงครื้นเครง และอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์
จวบจนวันนี้ ข้าพเจ้าต้องปรับมุมมองการดำเนินชีวิตใหม่
กับเทศกาลสำคัญนี้
เทศกาลพระคริสตสมภพที่กำลังจะมาถึง
ข้าพเจ้าจึงควรที่จะ.............
“จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด”
(มัทธิว 3:3)
ขอให้ข้าพเจ้ารู้จักที่จะสร้างมากกว่าที่จะทำลาย
ขอให้ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเติมให้เต็มมากกว่าที่จะลิดรอนให้ขาดหาย
ขอให้ข้าพเจ้ารู้จักที่จะให้ผู้อื่นมากกว่าที่จะกอบโกยให้ตนเอง
ขอให้ข้าพเจ้ารู้จักที่จะสุภาพถ่อมตนมากกว่าที่จะหยิ่งทะนงจองหอง
มีบทความเรื่องเทียน 4 เล่ม เล่าเอาไว้ว่า...
มีเทียนอยู่ 4 เล่ม ซึ่งกำลังจะดับลง
บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงเทียนทั้ง4 คุยกัน
เทียนเล่มที่ 1 เอ่ยว่า โลกเราเอาแต่ต่อสู้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน มนุษย์คิดแต่จะเบียดเบียนกัน ไม่มีใครคิดจะปกป้องฉันเลย
ในฐานะที่ฉันเป็นเทียนแห่งสันติภาพ
ฉันคงต้องจากไปแล้ว แล้วเทียนเล่มที่ 1 ก็ดับลง
เทียนเล่มที่ 2 เอ่ยว่าส่วนฉันคือเทียนแห่งความเชื่อ
ฉันคงหมดประโยชน์ที่จะส่องสว่างต่อไปแล้ว
คนไม่มีความเชื่อใจกันเลย จากนั้นสายลมอันแผ่วเบาก็พัดเทียนเล่มที่ 2 ดับลง
เทียนเล่มที่ 3 เอ่ยว่า ส่วนฉันคือเทียนแห่งความรัก
แต่ทุกวันนี้ ผู้คนกลับเอารักออกไปจากใจ
ไม่มีความรักอันบริสุทธิ์มอบให้กัน มีแต่ความเห็นแก่ตัว
ไม่มีใครเข้าใจความสำคัญของฉัน
ฉันไม่มีกำลังพอที่จะส่องสว่างอีกต่อไปแล้ว ลาก่อน
แล้วเทียนเล่มที่ 3 ก็ดับลงไป
แต่ไม่ทันที่เทียนเล่มที่ 4 จะได้เอ่ย ก็มีเด็กน้อยเปิดประตูเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นเทียนทั้ง 3 เล่มดับลง เด็กน้อยก็ร้องห่มร้องไห้
เทียนเล่มที่ 4 ก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่าได้เสียใจไปเลย
ฉันคือเทียนแห่งความหวัง และฉันยังส่องสว่างอยู่
หยิบฉันแล้วจุดที่เทียนทั้ง 3 เล่มสิ"
เมื่อเด็กน้อยนำเทียนแห่งความหวัง จุดไปที่เทียนทั้ง 3 เล่ม
แล้วเทียนแห่งสันติภาพ เทียนแห่งความเชื่อ
และเทียนแห่งความรักก็สว่างขึ้น
เพราะความหวังทำให้ชีวิตยังมีความหมาย
เพราะความหวังทำให้คนที่ป่วยไม่สบาย พิการยังสู้เพื่อมีชีวิตต่อ
เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครสักคนเล่าความหวังให้เราฟัง
ขอให้รู้ว่านั่นอาจจะเป็นเสมือนเทียนเล่มสุดท้าย
และมันอาจเป็นความหวังที่มากไปกว่าเพื่อตัวของเขาเอง
หน้าที่ของเรา คือ ไม่ว่าเราจะช่วยได้หรือไม่ก็ตาม อย่าไปดับความหวัง หรือความฝันของใคร โปรดช่วยกันรักษาความหวังของทุกๆ คนที่รู้จัก เพราะนั่นอาจเป็นความหวังสุดท้ายของใครบางคนและ อีกหลายคนที่อยู่รอบข้าง จงเป็นความหวัง
และกำลังใจแก่คนที่เรารัก และบุคคลรอบข้าง
(เรื่องเทียน 4 เล่ม จาก...http://www.kamsonbkk.com/)
ขอให้เราตระหนักถึงหน้าที่คริสตชนในการเตรียมเส้นทางขององค์พระคริสตเจ้า
เพื่อให้ผู้ที่เดินตามเรามาจะได้เดินตามได้อย่างถูกทิศทางยิ่งขึ้น
................................................. |