“จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่า นายของท่านจะมาเมื่อไร”

“จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่า

บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”

(มัทธิว 24 : 42,44)

...........................................

“จงตื่นเฝ้าระวังเถิด” และ “จงเตรียมพร้อมไว้”

ข้าพเจ้าจำได้ว่า เหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่ข้าพเจ้าจะปรับเปลี่ยนตัวเอง

ให้รู้จักที่จะเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับวันสุดท้ายของชีวิต

คือวันที่ข้าพเจ้าได้รับการอภัยจากพระเจ้า และบุคคลอันเป็นที่รัก

ในวันที่ข้าพเจ้าผิดพลาดพลั้งจนไม่น่าที่จะได้รับการอภัยเลย

เราดำเนินชีวิตอยู่กับการรอคอย

และการสร้างความหวังเพื่อความสุขของตนเอง

รอคอยวันหยุดที่จะได้ไปพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือทำในสิ่งที่ชอบ

รอคอยนัดกับคนที่เรารักอย่างใจจดใจจ่อ

การรอคอยในสิ่งที่เราคาดหวังไว้นั้น

เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และการเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ

เตรียมเก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยว

เตรียมเสื้อผ้าชุดสวย  เตรียมวางแผนการท่องเที่ยว

หรือวางแผนตารางเวลาสำหรับนัดสำคัญนั้น

แม้วันเวลาแห่งความสุขนั้นจะผ่านพ้นไป

เราก็ยังคงมองไปข้างหน้าเพื่อวางแผนค้นหาความสุขต่อไปอย่างมีความหวัง

ตารางการรอคอยความสุขบนโลกนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

แต่เราก็ยังใจจดใจจ่อ รอคอยอย่างมีความหวังอยู่เสมอ

อย่างไรก็ดี  ความสุขที่แท้จริงคือจุดหมายปลายทางของจุดกำเนิดของเรา

บางครั้งเรากลับปล่อยปละละเลยที่จะมองไปยังจุดหมายปลายทางที่แท้จริงนี้

เราเฝ้าบอกตัวเองว่าวันเวลาเหล่านั้นยังคงมาไม่ถึงตัวเราง่ายๆหรอก

เรายังมีชีวิตอีกยาวไกลที่จะใช้แสวงหาความสุขบนโลกนี้ต่อไปได้อีก

พระเจ้าทรงเตือนเราว่า

“จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่า นายของท่านจะมาเมื่อไร”

“จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่า

บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”

(มัทธิว 24 : 42,44)

พ่อเคยสอนข้าพเจ้าว่า บทเยซู มารีย์ ยอแซฟ ให้ลูกหมั่นสวดเสมอๆ

เพื่อให้เราระลึกอยู่เสมอว่า เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความตาย

“เยซู มารีย์ โยเซฟ
           ข้าพเจ้าขอถวายดวงใจ สติปัญญาและชีวิตแด่ท่าน
เยซู มารีย์ โยเซฟ
           โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าเมื่อใกล้จะตาย
เยซู มารีย์ โยเซฟ
             โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้สิ้นใจอย่างราบรื่นในศีลในพรของท่านด้วยเทอญ

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความตายหรือ?

ข้าพเจ้าฟังข่าวการสูญเสีย พลัดพราก การล้มหายตายจากกันไป

ในแต่ละวันอย่างเศร้าสลดใจ

เมื่อเห็นญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับเกิดความอาลัยอาวรณ์ต่อบุคคลอันเป็นที่รัก

ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีก

และเมื่อย้อนกลับมานึกว่า

หากเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของข้าพเจ้าต้องจากไป ข้าพเจ้าจะทำใจได้หรือไม่

และหากเป็นตัวข้าพเจ้าเองที่ต้องจากไป

บุคคลอันเป็นที่รักผู้อยู่เบื้องหลังของข้าพเจ้าจะรู้สึกอย่างไร

ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ถาวร มั่นคง แน่นอนบนโลกใบนี้เลยจริงๆ

สิ่งเดียวที่เรามนุษย์ผู้แสนจะอ่อนแอพึงกระทำได้

คือการเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ

เตรียมบ้านแห่งหัวใจให้สะอาดที่สุดเท่าที่เราจะกระทำได้

ปัดหยากไย่ สายใยแห่งความสกปรกของมารร้าย

ให้หมดสิ้นไปจากวิญญาณของเรา

หมั่นเติมต่อ สร้างเสริมสิ่งดีดีให้กับชีวิตของตนเองและคนรอบข้าง

ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง รอบคอบ และจดจำสิ่งที่พลาดพลั้งไว้เป็นบทเรียน

มองไปยังจุดหมายปลายทาง ณ วิมานสวรรค์บ้านแท้ของเรา

ข้าพเจ้านึกถึงบทเพลงหนึ่ง

บทเพลงบ้านของเราท่อนหนึ่งซึ่งขับขานไว้ว่า

 “บ้าน คือวิมานของเรา 

ยามพบความเศร้ารีบกลับบ้านเราจะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก  น้ำใจ อภัย กรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา  ในชายคาเขตบ้านของเรา

จริงแท้แน่นอน

บ้านแท้ของเรา จะเป็นที่ที่เราจะพบความสุขอันเป็นนิจนิรันดร์

จงตื่นเฝ้า ระวัง กันไว้เถิด

สิ่งใดเกิด สิ่งใดดับ  กลับฉงน

อนิจจัง  ไม่เที่ยงแท้  เลยสักคน

ทุกแห่งหน  ต่างดิ้นรน  เพื่อตนเอง

จะเตรียมตัว  อย่างไร ในวันนี้

หากต้องมี  พลัดพรากลา มาข่มเหง

วันและคืน  ที่ผ่านมา  น่าหวั่นเกรง

หากไม่รู้ ว่าตนเอง  ทำสิ่งใด

จงตื่นเฝ้า  ระวัง  กันไว้เถิด

จุดกำเนิด  ที่เกิดมา  นั้นยิ่งใหญ่

เพียรสะสม  คุณความดี  ที่ตั้งใจ

ก่อนกลับไป  ยังสถาน  วิมานเมือง

.................................................

S