“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหง

และใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา

จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก”

                                                                (มัทธิว 5:12)       

..................................

เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าได้แบ่งปันพระวาจาเกี่ยวกับผู้ต่ำต้อย

พระเจ้าทรงดูแลผู้ต่ำต้อย และทรงรักคนบาป แต่พระองค์เกลียดบาป

ทันทีที่ข้าพเจ้าแบ่งปันพระวาจาบทนี้ลงบนโลกออนไลน์

โดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ

ก็มีบุคคลหนึ่งซึ่งใช้ชื่อทางศาสนาของตน

เป็นชื่อโปรไฟล์ และเข้ามา comment ข้าพเจ้า

สรุปใจความได้ว่า

คนชั่วก็ชั่วและรับกรรมชั่วเพราะตัวของคนชั่วเอง

คนดีก็ดีเพราะความดีที่เขาทำเอง

ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า หรืออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดใดทั้งสิ้น

ข้าพเจ้าไม่ได้มี comment ใดกลับไป
นอกจากลบ
comment นั้นออกเสีย

เพื่อไม่ให้จิตวิญญาณของข้าพเจ้าต้องรู้สึกหดหู่

กับความขัดแย้งอย่างไร้คุณค่านี้

สิ่งที่ข้าพเจ้ายังยึดมั่นอยู่และมั่นใจในความเชื่อของตน

คือองค์พระเจ้าที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพเจ้า

ประสบการณ์ความเชื่อของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เราไม่อาจบอกได้ว่า ประสบการณ์ของตัวเราดีกว่าของคนอื่นๆ

เพราะนี่คือประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ

ไม่ใช่ประสบการณ์ทางโลกที่สามารถมาถกเถียง

หรือลำดับความสำคัญ หรือใครถูกต้องกว่ากันได้

“ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์

ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์”

(1ยอห์น 3:3)

............................................

ลูกของพระควรมีลักษณะนิสัยอย่างไร

เพื่อนต่างศาสนาเคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า

พวกเขามองว่าพระสงฆ์ของศาสนาคริสต์เป็นผู้มีใจเมตตา

ใจดี โอบอ้อมอารี และคอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก

นักบวชหญิงของศาสนาคริสต์จะมีบุคลิกที่เข้มงวด

มีระเบียบวินัย  ยุติธรรม และจริงจังในการวางตน

ส่วนฆราวาสของศาสนาคริสต์

จะมีใจเยือกเย็น  มองคนรอบข้างด้วยสายตาของความรัก

ไม่ชอบความขัดแย้ง  มีน้ำใจ  สุภาพ อ่อนโยนและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ

อันที่จริงแล้ว คริสตชนก็ควรจะมีลักษณะนิสัยเช่นนั้นเป็นพื้นฐาน

เพราะเราเป็นพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้า

ผู้เปี่ยมด้วยความรักและความเมตตาสงสารอยู่เสมอ

แม้ว่าลักษณะนิสัยพื้นฐานเช่นนี้

จะเป็นเหมือนจุดอ่อนให้คนที่คิดว่าตนฉลาดกว่า เข้มแข็งกว่า

คอยข่มเหง เบียดเบียน หรือคอยจ้องทำร้ายก็ตาม

หากแต่เราคริสตชนก็ยังคงยืนหยัด

ที่จะมีความรักและเมตตาเป็นพื้นฐานของชีวิต

และมั่นใจว่าเราจะได้รับบำเหน็จรางวัลในสวรรค์เพราะความรักและเมตตานั้น

“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหง

และใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา

จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก”

                                                     (มัทธิว 5:12)       

...........................................

ทุกคนที่   หวังใจ  ในพระเจ้า

ย่อมจะเข้า  สู่ราชัย  ยิ่งใหญ่นั่น

แม้นใครหมิ่น ข่มเหง  ดวงชีวัน

พระทรงธรรม์  จะโอบอุ้ม  และคุ้มครอง

......................................

S