“ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อย ก็ย่อมมีความรักน้อย”

(ลูกา 7:47)

.................................

หญิงคนบาปเข้ามาชโลมน้ำหอมที่พระบาทของพระเยซูเจ้า

น้ำตาแห่งความสำนึกผิดของนางไหลรินรดพระบาทของพระองค์

“บาปจำนวนมากของนางได้รับการอภัยแล้ว

เพราะนางมีความรักมาก”

(ลูกา 7:47)

มีประโยคหนึ่งเขียนไว้ว่า

“คนที่ให้อภัยง่ายที่สุดคือคนที่รักเราที่สุด”

พ่อและแม่รักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข

ในวันที่ลูกทำผิดพลาด ด่าทอ เอาชนะพ่อแม่ด้วยการกระทำมากมาย

ในท่ามกลางอารมณ์โกรธเกรี้ยวต่อกัน

กลับมีเยื่อใยความรักที่แน่นเหนียวในหัวใจพ่อแม่

และส่งต่อถ่ายทอดไปสู่ลูก

เมื่อลูกสำนึกผิดขอโทษ  เหตุการณ์เลวร้ายที่เคยผ่านมา

กลับถูกลบเลือน คงเหลือไว้เพียงความรักเท่านั้น

ในฐานะพ่อแม่ เราสัมผัสความรักที่เรามีต่อลูกได้ว่า

ต่อให้ลูกจะทำให้เราเสียใจเพียงใด

สุดท้ายเราก็ยังขวนขวายหาสิ่งที่เหมาะสมให้ลูกอยู่ดี

ในฐานะลูก  ยิ่งเราบกพร่องเลวร้ายเพียงใด

เรากลับมาไตร่ตรอง  สำนึกและรู้จักขอโทษ

เมื่อพ่อแม่ให้อภัย  เรายิ่งรู้สึกรัก เกรงใจ

 และไม่อยากทำให้ท่านเสียใจมากขึ้นเท่านั้น

“ยิ่งบาปมาก  และรู้สำนึก  ยิ่งได้รับการอภัยมาก  ยิ่งรักมาก”

ในทางกลับกัน  เมื่อเราไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นคนบาป

เย่อหยิ่งจองหอง  คิดว่าตัวเองดีพร้อมในทุกด้าน

ไม่เคยมีคำขอโทษในความผิดพลาดของตนเองต่อผู้อื่น

เมื่อเขาไม่เคยต้องการการอภัยจากใคร

เขาจึงไม่รู้จักความรักจากการได้รับการอภัย

“หญิงใจบาป  หยาบช้า  มาถวาย

น้อมใจกาย  บรรจงจูบ  แทบบาทองค์

ขอพระ   เมตตาอภัย  ด้วยใจมั่นคง

น้ำหอม  ชโลมลง  ด้วยใจรักและภักดี”

“ผู้ที่ได้รับอภัยความผิด และบาปของเขาถูกลบล้างย่อมเป็นสุข”

(สดุดี 32:1)

โปรดให้ลูกรู้จักอภัยผู้อื่นด้วยความรัก

เหมือนที่พระองค์ทรงอภัยบาปผิดที่ไม่น่าให้อภัยของลูก

ด้วยความรักล้นของพระองค์จนหมดสิ้น

………………………..

S