“ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย

ดังนั้น เราจึงบอกว่า

พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอน

ที่ทรงรับจากเรา”

(ยอห์น 16:15)

.............................

ความสัมพันธ์ของพระบุคคลทั้งสาม

เป็นสิ่งที่ยากเกินสมองน้อยๆของมนุษย์จะเข้าใจได้

ข้าพเจ้าเคยได้รับการสอนคำสอนมาเสมอว่า

ทั้งสามพระบุคคลเป็นพระเจ้าเดียว มีพระธรรมชาติเดียวกัน

แต่ทั้งสามพระบุคคลนั้นต่างกัน ไม่ได้เป็นองค์เดียวกัน

ยิ่งฟังยิ่งงง ยิ่งสับสนสมองน้อยๆด้อยปัญญา

ในวันที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างจากนักบุญยอห์นบัปติสต์

พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระเยซูเจ้า

และเสียงของพระบิดาตรัสว่า “นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา...”

(มาระโก 1:11)

ข้าพเจ้าไม่เข้าใจกับพระธรรมชาติของพระบุคคลทั้งสาม

แต่ข้าพเจ้าสัมผัสถึงภารกิจแห่งรักของพระบุคคลทั้งสาม

ที่ทรงกระทำต่อมนุษย์ผู้ที่พระองค์ทรงรักตลอดมา

พระบิดาพระผู้สร้าง พระบุตรพระผู้ไถ่กู้

และพระจิตเจ้าองค์แห่งความรักและพระพร

ทั้งสามพระบุคคลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์ในพระองค์

นักบุญเปาโลกล่าวคำอวยพรไว้ท้ายจดหมายว่า

“ขอพระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอความรักของพระเจ้าและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้า

สถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ” (2 คร. 13:13 )

พระพรที่หลั่งไหลมาสู่มวลมนุษย์ไม่เคยขาดสาย

ตั้งแต่ทรงสร้างจนถึงปัจจุบันนี้

............................................

เมื่อตามอง  สมองก็คิด  และมือก็กระทำ

ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเกิดผล ภารกิจจึงเริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อข้าพเจ้ามองเห็นเด็กนักเรียนที่กำลังปรารถนาอยากเรียนรู้

สมองของข้าพเจ้าก็วางแผนกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อพวกเขา

และลงมือจัดกิจกรรมเพื่อให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

หากเพียงพวกเขาร่วมมือกับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เตรียมให้

พวกเขาก็จะได้รับสิ่งดีดีเหล่านั้นไป

เช่นเดียวกัน เมื่อพระบิดาเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามา

ข้าพเจ้ารักพระองค์เพราะพระองค์ทรงรักข้าพเจ้าก่อน

แต่อิสระอำเภอใจทำให้ข้าพเจ้าหลงทาง

พระองค์ทรงส่งพระบุตรมาชี้นำทางกลับสู่บ้านพระบิดาให้

และทรงส่งพระจิตเจ้าเพื่อเป็นพลังในการเดินทางอันยากลำบากนี้

ข้าพเจ้าเพียงแค่เชื่อฟัง  และเดินให้ถูกทางด้วยความมั่นคง

ข้าพเจ้าเพียงแค่มองไปข้างหน้าและออกนอกเส้นทางให้น้อยที่สุด

หรือหากแม้หลงออกนอกเส้นทางไป ก็ให้หวนคืนกลับมา

ตามเส้นทางที่พระจิตเจ้าทรงนำทางต่อไป

..........................

S