“แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา

เรารู้จักมัน และมันก็ตามเรา”

(ยอห์น 10:27)

................................

ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยข้าพเจ้ายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น

ในสมัยนั้นข้าพเจ้ายังไม่ประสานักถ้าเทียบกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้

ก่อนเปิดปีการศึกษาใหม่ พ่อของข้าพเจ้าบอกแก่ข้าพเจ้าว่า

เราต้องช่วยกันประหยัด พ่อไปขอหนังสือเรียนต่อจากลูกของคนที่พ่อรู้จักไว้

ประเดี๋ยวเราจะไปเอาหนังสือที่บ้านของเขา

บ้านของเขาเป็นร้านก่อสร้าง  พ่อขี่มอเตอร์ไซด์พาข้าพเจ้าไปด้วย

ย้ำกับข้าพเจ้าว่า เดี๋ยวเดินเข้าไปในร้านเขาแล้วบอกเขาว่ามาเอาหนังสือเรียนนะ

และรอพ่อที่ร้านนี้แหละเดี๋ยวพ่อจะมา อย่าไปไหนนะ

พ่อจะเข้าไปวิทยาลัย  พ่อเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น

วิทยาลัยอยู่ไกลจากร้านก่อสร้าง 4-5 กิโล เห็นจะได้

เมื่อพ่อขี่รถจากไป ข้าพเจ้ารู้สึกอายที่จะเข้าไปขอหนังสือเรียน

เมื่อข้าพเจ้าตัดสินใจเดินเข้าไปขอหนังสือเรียน

ปรากฏว่าเขายังไม่ได้เตรียมไว้ให้ ข้าพเจ้ายิ่งอายเข้าไปอีก

กล่าวขอบคุณและเดินออกมาหน้าร้าน

มองซ้ายขวารอพ่อด้วยความรู้สึกเขินอายที่จะยืนอยู่บริเวณนั้นต่อ

สุดท้ายข้าพเจ้าตัดสินใจเดินไปตามฟุตบาทริมถนน ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ

และเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวิทยาลัยที่พ่อทำงาน

ข้าพเจ้าเดินหาพ่อ และถามอาจารย์แถวนั้น

ได้คำตอบว่า พ่อข้าพเจ้าขี่รถออกไปแล้วครู่ใหญ่

ข้าพเจ้าใจหายวาบ รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ

ข้าพเจ้ารีบเดินมุ่งหน้ามองตามถนนไปเรื่อยๆ เผื่อเจอพ่อ

ข้าพเจ้าไปไหนต่อไม่ถูก  น้ำตาร่วงหล่นพร่างพรูด้วยความกลัว

จนกระทั่ง พี่ที่ร้านก่อสร้างร้านนั้นขี่รถมาพบข้าพเจ้า ซักถามและพาข้าพเจ้ากลับบ้าน

ทันทีที่รถถึงบ้าน  พ่อและแม่ข้าพเจ้าโกรธข้าพเจ้ามาก

ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกผิดเหลือเกิน เพราะข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่า

ความโกรธของพ่อแม่ในเวลานั้น เพราะเป็นห่วงข้าพเจ้ามาก

ท่านขี่รถเวียนหาข้าพเจ้าหลายรอบด้วยความกังวลใจ

พ่อให้ข้าพเจ้าย้ำคำสั่งที่ท่านบอกตอนส่งข้าพเจ้า

“รอพ่ออยู่ที่นี่ อย่าไปไหน”

ถ้าเป็นพี่สาวคนโตของข้าพเจ้า พ่อคงไม่ต้องย้ำขนาดนี้

พ่อรู้จักลูกของพ่อดี ว่าลูกของพ่อแต่ละคนเป็นอย่างไร

เมื่อข้าพเจ้ากลับมาไตร่ตรองเหตุการณ์นี้ทีไร

ข้าพเจ้าเห็นความโง่เง่า  ขลาดเขลา เบาปัญญาของตนเองทุกครั้งไป

หากคนที่มาพบข้าพเจ้าไม่ได้มาดีเล่า...จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินน้ำตาคลอไปตามทาง

.......................................

เช่นเดียวกัน  พระเยซูเจ้ารู้จักลูกแกะของพระองค์ดีทุกตัว

ทรงทราบว่าตัวไหนอ่อนแอ ตัวไหนบาดเจ็บ ตัวไหนกำลังหลงหาย

พระองค์จะตามกลับมาและตีสอนบ้าง

เพื่อให้ลูกแกะรู้จักที่จะจดจำสิ่งที่กระทำลงไปว่าสมควรหรือไม่

ตราบใดที่เรายังเชื่อฟังพระองค์  อยู่กับพระองค์

ในที่ที่พระองค์จัดสรร ในคำสอนของพระองค์

แม้เราจะหลงทางไปบ้าง  เราก็ยังเป็นลูกแกะของพระองค์อยู่ดี

ต่อให้เราหลงทางไปไกลแสนไกล

พระองค์ก็จะทรงติดตามเราให้กลับมา

หากแต่เราไม่วิ่งหนีเสียงของพระองค์ที่ทรงเรียกเราไปเสีย

............................................

ลูกแกะน้อย  ด้อยความคิด  ผิดพลาดนัก

หากพระองค์  ไม่ทรงรัก  จักพลาดหลง

เดินตามทาง  ชีวิตไป  ใช่มั่นคง

มีพระองค์  คอยเกื้อ เอื้อเอ็นดู

......................................

S