“สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด
เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
(ยอห์น 20:21)
...........................................................
ด้วยความรักและพระเมตตา
พระบิดาทรงส่งพระบุตรมาเพื่อไถ่บาปมวลมนุษยชาติ
ฉันใดก็ฉันนั้น พระเยซูคริสตเจ้าก็ทรงส่งเราให้ไปกระทำเช่นเดียวกัน
เราถูกส่งมาเพื่อนำความรักและพระเมตตาสู่คนรอบข้าง
เราถูกส่งมาเพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่งดงามของพระผู้สร้าง
สำหรับผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ขาดความเชื่อ ผู้ต่ำต้อย และผู้หลงผิด
เราต้องสะท้อนความรักของพระเจ้าไปสู่พวกเขาเหล่านั้น
เป็นเครื่องมือชิ้นน้อยที่ทรงคุณค่าท่ามกลางความยากลำบาก
ในการกระทำภารกิจแห่งรักนี้
แต่ก่อนที่เราจะสามารถสะท้อนความรักของเราสู่คนรอบข้าง
เราเคยย้อนกลับมาดูตัวเองหรือไม่ ว่าเรามีแสงสว่างเพียงพอแล้วหรือ?
เด็กชาย และเด็กหญิงหลายคนในสังคมปัจจุบัน
ต่างให้คำตอบข้าพเจ้าว่า เขาไม่มีเวลาที่จะมาวัด
เพราะต้องเรียนพิเศษอย่างหนักเพื่อแข่งขันให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
พ่อและแม่ของพวกเขาเห็นด้วยกับการแข่งขันเหล่านั้น หรือแม้แต่การท่องเที่ยว
แทนการมาหาพระในวันอาทิตย์
ซึ่งแลดูจะเป็นอุปสรรค และปัญหาต่อวันสำคัญของพวกเขา
น่าเสียดายแทนมิชชันนารีหลายชีวิตที่ต้องมาสละตนเองเพื่อประกาศความเชื่อ
และเป็นพยานถึงพระเจ้าเพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เชื่อ
“ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็นก็เป็นสุข”
(ยอห์น 20:29)
เราก็คงแย่กว่าโทมัสมากมายนัก
เพราะอย่างน้อยโทมัสยังรอคอยด้วยความเชื่อ
แต่เราไม่แม้กระทั่งรอคอยพระองค์หรือมาหาพระองค์
...................................
ในวัยเด็ก บิดามารดาของข้าพเจ้าจ้ำจี้จ้ำไชข้าพเจ้าและพี่น้อง
เรื่องการเอาใจใส่ต่อการไปวัดโดยเฉพาะในวันอาทิตย์
ข้าพเจ้าจำได้ว่า ข้าพเจ้าไม่เคยขาดวัดวันอาทิตย์เลย
ยังนึกไม่ออกสักครั้งว่าธุระจำเป็นของข้าพเจ้าคืออะไรจึงจะขาดวัดไปได้
แต่ในวัยเด็ก ธุระอาจจะไม่มี แล้วบิดามารดาของข้าพเจ้าเล่า
เขาไม่มีธุระอื่นใดเลยหรือ จึงสามารถพาข้าพเจ้าและพี่น้องไปวัดได้ทุกครั้ง
ข้าพเจ้ายังจำได้อีกว่า ข้าพเจ้าขี้เกียจมากที่ต้องตื่นแต่เช้าแม้กระทั่งวันอาทิตย์
ซึ่งควรเป็นวันหยุดที่ข้าพเจ้าจะได้นอนตื่นสายบ้างก็ตาม
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะขัดต่อระเบียบวินัยที่บิดามารดาข้าพเจ้าจัดการไว้
วัยเด็ก ข้าพเจ้าถูกบังคับให้ไปวัดเกือบทุกวัน
ข้าพเจ้าเบื่อบ้าง บ่นบ้าง ตามประสา แต่ก็ต้องไป
จนกระทั่งข้าพเจ้าโต มีครอบครัว มีบุตร
ข้าพเจ้าปฏิบัติเช่นเดียวกับที่บิดามารดาของข้าพเจ้าได้ปูทางวางไว้
แม้ข้าพเจ้าจะไม่ได้พาลูกไปวัดทุกวันเหมือนบิดามารดาของข้าพเจ้า
แต่ทุกวันอาทิตย์ข้าพเจ้าไม่เคยพาลูกๆขาดวัดเลย
แม้ออกต่างจังหวัด ท่องเที่ยว หรือติดงานก็ตาม
เราจะต้องตะเวนหาวัดเพื่อได้เข้าร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์
การให้ความสำคัญต่อการมาหาพระนั้น
ทำให้ข้าพเจ้าได้ของขวัญชิ้นงามๆจากลูกๆของข้าพเจ้า
พวกเขาละอายใจถ้าอาทิตย์ใดต้องขาดมิสซา
ครั้งหนึ่งลูกชายคนโตต้องไปฝึกวิชาทหาร (รด.) 5 วัน
คาบเกี่ยววันอาทิตย์ไปด้วย 1 วัน
เขากระวนกระวายใจ และซักถามคุณตาของเขาว่าควรจะทำอย่างไรดี
แก้บาปแล้ว และจะไปเข้าวัดชดเชยได้หรือไม่ อย่างไร
...............................................
ความรักและพระเมตตาของพระคริสตเจ้าจะถูกถ่ายทอดต่อไปยังชนรุ่นหลัง
จะเข้มข้นเหมือนน้ำเกลือในนาเกลือ
เมื่อถูกแดดเผาแล้วกลับกลายเป็นก้อนเกลือที่ทรงคุณค่ารักษาความเค็มยิ่งขึ้นเอาไว้
หรือเป็นเพียงน้ำกร่อยที่ไหลตามกระแสน้ำในฤดูกาล
เข้าแทรกซึมในน้ำจืด และค่อยๆเจือจางความเค็มจนสลายหายไปหรือไม่
.................................................... |