“ขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา”

(ยอห์น 20:1)

..............................................

ด้วยความรักและความกตัญญูรู้คุณของมารีย์ชาวมักดาลา

นางกระตือรือร้นที่จะมาพบพระเยซูเจ้าแม้จะเป็นเพียงพระศพก็ตาม

และเมื่อไม่พบพระศพของพระเยซูเจ้า

นางวิ่งออกไปเพื่อแจ้งบรรดาสาวกและออกตามหาด้วยความกังวลใจ

เราหละมีความกระตือรือร้นมากน้อยเพียงใดที่จะตามหาพระเยซูเจ้า?

พระคูหาที่ว่างเปล่าทำให้นางมารีย์ชาวมักดาลาสิ้นหวังหรือไม่

นางไม่สิ้นหวัง ยังคงเพียรตามหาพระเยซูเจ้าต่อไปจนพบ

พระคูหาที่ว่างเปล่ามิได้ทำให้เราสิ้นหวัง

ถึงการสูญหายไปของพระเยซูเจ้า

แต่กลับนำความหวังให้เราได้พบกับความจริง

ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แน่นอน

“พระองค์ต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย”

(ยอห์น 20:9)

แบบอย่างชีวิตของนางมารีย์ชาวมักดาลา

เป็นแบบอย่างที่คริสตชนพึงปฏิบัติตาม

นั่นคือมีความกตัญญูต่อพระเมตตาของพระเยซูเจ้าที่มีต่อนาง

ด้วยความรักที่มั่นคงต่อพระเยซูเจ้า

นางออกตามหาด้วยความกระตือรือร้น

ในขณะที่เมื่อศิษย์ทั้ง 2 คนตามหาพระเยซูเจ้าแล้วไม่พบ

ต่างแยกย้ายกันกลับไปบ้านแล้ว

“หลังจากนั้นศิษย์ทั้งสองคนก็กลับไปบ้าน”

(ยอห์น20:10)

นางมารีย์ชาวมักดาลากลับยังคงยืนร้องไห้อยู่นอกพระคูหา

จนกระทั่งได้พบกับองค์พระเยซูคริสตเจ้า

“มารีย์ยังคงยืนร้องไห้อยู่นอกพระคูหา”

(ยอห์น20:11)

ความเพียรอดทน มั่นคงที่จะได้พบพระเยซูเจ้า

ทำให้พระเยซูเจ้าทรงปรากฏพระองค์เองให้กับนางได้เห็น

เราคริสตชนก็เช่นกัน...เรามีความเพียรอดทน มั่นคงในความเชื่อ ความรัก

ต่อองค์พระคริสตเจ้ามากน้อยเพียงใด

มากพอที่จะยืนยันตนเองท่ามกลางปัญหา อุปสรรคต่างๆในชีวิตหรือไม่

มากพอที่เราจะมีความหวังอยู่เสมอในพระองค์ ในทุกเหตุการณ์หรือไม่

...............................................

พระองค์คือ    ความหวัง   ของข้าพเจ้า

ผู้ทรงความ   บรรเทา   ให้โลกหล้า

พระคริสตองค์   ทรงฟื้น   คืนชีวา

ด้ายหนทาง    มรรคา   สู่วิมาน

ข้าฯจะเดิน  ตามเส้นทาง   แห่งพระเจ้า

จะยึดเอา  พระวาจา  มาสืบสาน

เป็นแบบอย่าง  ให้ชีวิต   และวิญญาณ

ได้ก้าวผ่าน  สู่วิมาน  กับพระองค์

............................................

  มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวว่า

“ความรักชนะทุกสิ่ง”

ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงนางมารีย์ชาวมักดาลา

ที่มีความเพียรทนในความรักต่อพระเยซูเจ้า

จนกระทั่งองค์พระเยซูคริสตเจ้ายอมเผยแสดงพระองค์ให้นางได้เห็น

หากแต่ในชีวิตจริงของมนุษย์นั้น

กลับไม่สามารถแยกแยะความรักออกจากความหลงใหลได้เลย

มนุษย์หลงคิดไปเสมอว่าความหลงใหลใฝ่เพ้อ ความเป็นเจ้าของคนนั้นคนนี้

คือความรักแท้จริง  และเมื่อผิดหวัง

ก็กลับตีโพยตีพายโทษว่าความรักทำร้ายตนเอง

ความรักที่ชนะทุกสิ่งคือความรักที่ไม่หวังผลตอบแทน

ความรักที่มีความหวังต่อบุคคลที่เรารักอยู่เสมอ

มีความหวังแบบไม่สิ้นสุด

และมีเป้าหมายที่พร้อมจะดำเนินไปด้วยกัน

“จงมีความรักเถิด เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน”

(1 ยอห์น 4:19)

..............................................

S