“เราก็ไม่โทษท่านด้วย ไปเถิด
และต่อแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:11)
.................................
ในวันที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระเมตตาของพระองค์
เป็นภาพลักษณ์แห่งพระเมตตาของพระบิดา
ต่อหญิงคนบาปที่กำลังถูกประนามและถูกลงโทษจากกฏหมายของบ้านเมือง
“ใครที่เห็นพระเยซูเจ้าก็เห็นพระบิดาด้วย”
พระเมตตาของพระเจ้าปกป้องเราให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของสิ่งเลวร้าย
เพราะเมื่อพระเมตตาของพระเจ้าปกคลุมเรา
เราก็พึงสำนึกถึงความรอดพ้นที่กระทำให้เรา
ได้มีส่วนในพระราชัยสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง
ข้าพเจ้าได้อ่านสมณสารของพระสันตะปาปาฟรังซิส
เรื่องพระพักตร์แห่งพระเมตตา
ซึ่งกระทำให้คนบาปอย่างเราได้มีความหวังที่จะดำเนินชีวิตต่อไป
มีความหวังที่จะกลับตัวกลับใจใหม่
เหมือนนักโทษที่พ้นจากเรือนจำและสังคมพร้อมให้อภัย
มีอ้อมแขนกางออกเพื่อโอบกอดและต้อนรับ
เป็นเหมือนบุตรที่หลงหายไป
และเมื่อสำนึกตนกลับมาก็ยังมีอ้อมกอดของบิดาวิ่งมาต้อนรับแต่ไกล
.................................
“ถูกต้องแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเรา
และเราก็มีความยินดี
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดทรงเปลี่ยนสภาพของข้าพเจ้าทั้งหลาย
ให้กลับดีเช่นเดิม”
(สดุดี 126:3-4)
ในวันที่หญิงคนบาปได้รับการช่วยเหลือ
พระเยซูเจ้าได้ฉุดยื้อวิญญาณของนางให้รอดพ้นจากความตาย
และนางก็รอดพ้นจากความตาย จากบาป
นางเปิดใจยอมรับความผิดบาปของนางและกลับใจ
เมื่อเรากลับใจชีวิตใหม่ของเราก็เริ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
......................................
พระเมตตา ขององค์ พระเป็นเจ้า
ส่องใจเรา ดั่งแสง ตะวันฉาย
ใจที่มืด ดังประตู ที่ปิดตาย
มีความหมาย อีกครั้ง ในพระองค์
ลูกจะเปิด ดวงใจ เข้าพึ่งพา
พระเมตตา ยิ่งใหญ่ ใจประสงค์
จะกลับตัว กลับใจ ใฝ่มั่นคง
ในพระองค์ ผู้ทรง พระเมตตา
......................... |