“ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเรา ผู้ที่เราได้เลือกสรร

จงฟังท่านเถิด”

(ลูกา 9:35)

...............................................................

บุตรชายถามมารดาว่า

“เราเกิดมาทำไม ในเมื่อทุกๆคนก็ต้องตาย”

พอดีกับมีคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล

คำถามที่ว่า “ทำไมพระเจ้าต้องสร้างมนุษย์”

คำตอบสั้นๆของชายนิรนามคนหนึ่งตอบว่า

“ผู้วิเศษย่อมสร้างสิ่งที่วิเศษ”

แม้จะเป็นเพียงคำตอบสั้นๆ แต่ข้าพเจ้าถือว่าเป็นคำตอบที่สวยงามที่สุด

บนพื้นฐานของความเชื่อที่มั่นคง

แม้คำวิพากษ์วิจารณ์หรือเหตุผลร้อยพัน

ก็มิอาจทำให้ความเชื่อนั้นหวั่นไหวไปได้

และเมื่อผู้วิเศษย่อมสร้างสิ่งที่วิเศษ

เราจึงเป็นสิ่งที่วิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาจากผู้วิเศษ

มีความรักหล่อเลี้ยงเราให้ผ่านพ้นแต่ละช่วงชีวิต

ที่ทุกข์ยาก ลำบากไปได้ด้วยดี

หรือแม้จะทุกข์ยากลำบากเพียงใด

เราก็จะอยู่กับความทุกข์นั้นด้วยความรัก

คริสตชนสัมผัสถึงพระเจ้าได้ด้วยใจ

ไม่ใช่สายตามนุษย์มองเห็น

หรือเหตุผลใดใดที่มนุษย์พยายามค้นหา

มารดาตอบบุตรชายที่สงสัยว่า

“ถ้าเราใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป คือเกิด แก่ เจ็บ ตาย

หาความสุขไปในแต่ละวันเพื่อตนเอง

เราก็เสียชาติเกิดที่เกิดมาด้วยความรักจากผู้วิเศษ

โดยไม่มีสิ่งดีใดใดให้ลูกหลานได้เอาเป็นแบบอย่างเลย”

ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อ่อนแอตลอดเวลา

ข้าพเจ้าไม่สามารถบอกได้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ผิดบกพร่องอีก

หรือจะเป็นคนดีพร้อมสำหรับทุกคน

แต่อย่างน้อยข้าพเจ้าก็กำลังพยายามที่จะเป็นคนที่ดีให้ได้

เพื่อให้หนึ่งชีวิตที่เกิดมา มีคุณค่าและวิเศษพอที่จะไม่อาย

ในวันที่ต้องไปยืนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

แม้ข้าพเจ้าผิดพลาดมาเกือบตลอดชีวิต  สะดุด หกล้ม หลงทาง

บาดเจ็บและสกปรกมอมแมมตลอดเส้นทาง

แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า

พระเมตตาของพระองค์จะกระซิบบอกข้าพเจ้าเสมอว่า

“พระองค์ยังทรงรักข้าพเจ้า ไม่เปลี่ยนไปเลย”

“จงฟังท่านเถิด”  เป็นคำสั่งที่อ่อนหวาน

หวังเพียงให้ข้าพเจ้าเชื่อฟังบ้างในวันที่ข้าพเจ้าดื้อดึง

“จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”

(ฟิลิปปี 4:1)

………………………….

เด็กชายคนหนึ่งมีบิดา มารดานับถือศาสนาคริสต์

แต่เขาทั้งสองไม่มีเวลาในการดูแลวิญญาณของบุตรชายเลย

ไม่เพียงเท่านั้น เขาทั้งสองละทิ้งวัด และพากันออกจากศาสนา

โดยเปลี่ยนไปประกอบพิธีกรรมของศาสนาอื่นแทน

ยิ่งนานวันทุกอย่างดูเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

เด็กชายตอบเพื่อนและผู้คนรอบข้างว่า

“เขาเป็นคนไม่มีศาสนา”

เพราะบิดามารดาของเขาเองยังไม่ชัดเจนในความเชื่อของตนเองเลย

เด็กชายใช้ชีวิตของตนอยู่บนความว่างเปล่าไร้หลักยึดเหนี่ยว

หรือหากจะเอาหลักใหม่ที่บิดามารดาคว้าดึงมา

ก็เป็นหลักลอยที่ไม่แน่นหนาพอจะพยุงวิญญาณให้รอดพ้นสู่จุดหมายได้

ความเย็นชาทางความเชื่อของบิดามารดาที่พึงต้องมีต่อครอบครัว

ทำให้วิญญาณต้องสูญเสียไป ไม่เพียงแค่ของตัวบิดามารดาเองเท่านั้น

แต่เขาทั้งสองทำให้วิญญาณดวงน้อยๆที่ถือกำเนิดเกิดมา

ต้องเสียไปด้วย

......................................................

อ่อนแอ   เพียงใด  ใจไหวหวั่น

โอ้องค์  ทรงธรรม์ อย่าหน่ายแหนง

ล้มลุก  คลุกคลาน  ไร้เรี่ยวแรง

มีพระองค์  เป็นกำแพง  ปกป้องกัน

อย่าให้ลูก เบือนหน้า  จากพระองค์

ด้วยไหลหลง   วกลง  บาปมหันต์

เอื้อมพระหัตถ์  มาฉุดลูก   ต่อชีวัน

ลูกจะยึด องค์ทรงธรรม์  เป็นพระพร

………………………..

“อ่อนแอได้แต่อย่างพ่ายแพ้จนเสียความเชื่อเลย”

S