“พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้

ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน

ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ

คืนสายตาให้แก่คนตาบอด

ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ

ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”

(ลก.4:18)

....................................................

ในช่วงวันครูที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ชมโฆษณาของ 7-Eleven

เรื่อง “เชิดชูพระคุณครู”

ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของครูใหญ่โรงเรียนวรรณวิทย์

หม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์

ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กยากจนในชุมชน

ที่ไม่มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนแถบนั้นซึ่งค่าเทอมสูง

ข้าพเจ้ายังคิดถึงแม่ชีเทเรซา แห่งกัลกาตา

ที่อุทิศตนเพื่อคนยากจน  ผู้ด้อยโอกาสและผู้ถูกสังคมรังเกียจ

แบบอย่างของบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นแบบอย่างตามคำสอนของพระเจ้า

และพระองค์ทรงเจิมคริสตชนไว้

ให้รักษาแบบอย่างเช่นนี้ไว้ในสังคมเช่นกัน

กี่ครั้งที่เราปฏิเสธที่จะทำงานเล็กๆน้อยๆที่ไร้เกียรติ

กี่ครั้งที่เรามองดูคนยากจน คนไร้สติ ที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ริมถนนด้วยสายตาดูแคลน

กี่ครั้งที่เราจะยอมทำความดีแม้ไม่มีใครสักคนแลเห็นคุณความดีนั้นเลย

........................................

ข้าพเจ้าสอนคำสอนให้กับนักเรียนต่างศาสนา

บางครั้งอาจจะมีผู้ปกครองบางท่านรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ

ด้วยเกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะมาทำให้บุตรหลานของเขาไขว้เขว

ในเรื่องของความเชื่อและหลักปฏิบัติ

อย่างไรก็ดี หน้าที่ของข้าพเจ้าคือประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้า

ทุกครั้งที่เด็กน้อยต่างศาสนาวิ่งเข้ามาและขอร้องให้ข้าพเจ้านำพวกเขาภาวนา

มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอิ่มเอมใจ

และมั่นใจว่าสักวันหนึ่งผู้ปกครองของพวกเขาจะรับรู้ว่า

ข้าพเจ้าแค่ต้องการนำพระพรมาให้บุตรหลานของเขา

นำอาหารฝ่ายจิตมาหล่อเลี้ยงวิญญาณของเขาในสังคมเลวร้ายทุกวันนี้

ภารกิจรักเล็กๆน้อยๆที่เราทำได้แม้ไม่ยิ่งใหญ่นัก

แต่อย่างน้อยเราก็ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า

ที่ไม่ละเลยต่อเพื่อนมนุษย์ที่เราสมควรจะนำพระพรไปให้แก่เขา

ผ่านแบบอย่างของบุคคลที่น่ารักมากมายในสังคม

“ท่ามกลางพื้นแผ่นดินแห้งแล้งแตกระแหง

ยังมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่รอการเจริญเติบโตอยู่

ข้าพเจ้าจะขอเป็นน้ำหยดน้อยๆที่ค่อยๆซึมลงในดินแห้งนั้น

เพื่อหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเล็กๆให้เติบโตขึ้น

ท่ามกลางความแห้งแล้งของผืนแผ่นดิน”

……………………………

S