“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
โปรดเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเถิด
ข้าพเจ้าไม่ดีกว่าบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเลย”
(1พงษ์กษัตริย์ 19:4)
.........................................
เมื่อครั้งที่เอลียาห์ต้องหนีการตามฆ่าจากพระนางเยเซเบล
เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
เอลียาห์ร้องขอความตายจากองค์พระเจ้า
ด้วยความทดท้อ กับเหตุการณ์ที่ผ่านมามากมาย
จากการที่ต้องเห็นประกาศกของพระเจ้าถูกสังหารด้วยคมดาบ
.........................................
เหตุการณ์มากมายในชีวิตของเรา
บางครั้งก็ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ
ยากลำบากจนบางครั้งเราก็คิดว่าเราจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร
ในสภาพร่างกายที่อ่อนแอของความเป็นมนุษย์เช่นนี้
เราคิดว่า เราไม่สามารถรับ หรือต้านทานกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว
การขอจบชีวิตลงจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แต่...ในความเป็นจริง เราไม่ได้พยายามที่จะหาหนทางออกต่างหาก
เราวิ่งหนีปัญหาบางสิ่งไปจนสุดเส้นทางที่เราคิดว่ามันตัน
เราหลับหูหลับตาร้องไห้คร่ำครวญในมุมมืด
กล่าวโทษเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตน
เราไม่ได้พยายามที่จะปีนป่ายกำแพงที่เราคิดว่าเป็นทางตันนั้น
เราไม่ได้ไตร่ตรอง หรือสังเกตดูว่า
ที่ซอกกำแพงนั้นมีช่องทางเล็กๆที่พอจะลอดออกไปได้หรือไม่
............................................
พระเจ้าทรงเรียกเราจากด้านหนึ่งของกำแพงนั้น
จากช่องว่างของซอกกำแพงที่เราไม่ได้ใส่ใจ
เราไม่ฟัง เราฟูมฟาย โวยวายไร้สติ
พระองค์ทรงเป็นหนทาง ความจริงและเป็นชีวิตสำหรับเรา
แต่เราไม่เคยเปิดใจสัมผัสถึงความจริงข้อนี้เลย
ในอดีต กี่ครั้งที่พระองค์ทรงเลี้ยงดูบรรพบุรุษของเรา
ในถิ่นทุรกันดาร ในวันที่เหมือนจะสิ้นหวัง
พระองค์ประทานมานนาเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต
และประทานพระบุตรแต่เพียงองค์เดียว
เป็นมานนาใหม่หล่อเลี้ยงวิญญาณเรามาจนเท่าทุกวันนี้
“เราเป็นปังทรงชีวิตที่มาจากสวรรค์
ใครที่กินปังนี้ จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
(ยอห์น 6:51)
......................................................
เพราะพระองค์ ทรงเลี้ยงดู อุ้มชูข้าฯ
ทั้งมานนา สารพัด ทรงจัดให้
เพื่อหล่อเลี้ยง ทั้งชีวิต และจิตใจ
ตั้งแต่ใน อดีตกาล เนิ่นนานมา
ทรงประทาน สารพัด ไม่ขัดสน
ผู้หมองหม่น พ้นภัย ใคร่แสวงหา
ปังชีวิต ที่พระคริสต์ ทรงเมตตา
ประทานมา เลี้ยงชีวา ข้าฯ ชื่นบาน
....................................................... |