“เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา

และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก”

(ยน.10:18)

......................................................

พระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว

พระองค์ทรงกลับมาเพื่อยืนยันว่าพระองค์อยู่เหนืออำนาจใดใด

แม้แต่อำนาจแห่งความตาย

และพระองค์ยังทรงเน้นย้ำเราเสมอว่า

“เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต

ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา

(ยน.14:6)

ผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงสละชีวิตเพื่อเรา

ในฐานะที่เราเป็นลูกแกะของพระองค์

“ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน”

(ยน.10:11)

แกะอ่อนแอ และหาอาหารกินเองไม่เป็น

ปกป้องตัวเองจากภยันตรายไม่ได้

แกะที่ดื้อรั้นจะตกอยู่ในอันตราย

ผู้เลี้ยงจะตีสอนและนำมันกลับมายังที่ปลอดภัย

ลูกจ้างจะไม่ต่อสู้เพื่อปกป้องแกะเหล่านั้น

เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของแกะ

ผู้เลี้ยงเท่านั้นที่รักและคอยปกป้องดูแลฝูงแกะของตนด้วยชีวิต

ลูกทั้งหลายก็เช่นกัน.... ลูกอ่อนแอ

และต้องคอยอาหารฝ่ายจิตจากพระวาจาของพระองค์อยู่เสมอ

ลูกตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา

ก้าวพลาดและดื้อรั้นอยู่เป็นกิจวัตรนิสัย

ทุกครั้งที่พระองค์ทรงให้อภัยและตีสอนบ้าง

ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ลูกควรจะน้อมยอมรับ

เพราะหากแม้ว่า  พระองค์ไม่ทรงตีสอนลูก

 ลูกอาจจะเตลิดหลงและถูกทำลายด้วยบาปร้ายนานาประการ

…………………….

แกะนับร้อย  เดินทยอย ตามรอยท่าน

ผู้หว่านธาร  แห่งพระพร  สอนคุณค่า

ด้วยแบบอย่าง ด้วยชีวิต  ด้วยเมตตา

แม้พลาดหลง สิ่งใดมา  เยียวยาใจ

ท่านคือผู้  ทรงเลี้ยงดู  ปูทางรัก

คอยชี้ชัก  ผลักดัน  แนวทางให้

เสียงทรงเรียก ด้วยเมตตา  แว่วแต่ไกล

บอกทางให้  ภยันตรายใด ไม่กล้ำกราย

เพียงเจ้าเอ๋ย  แกะทั้งหลาย  ที่หมายมาด

อย่าก้าวพลาด  พลั้งไป  ให้สูญหาย

ฟังไว้เถิด  เสียงแห่งรัก ไม่เสื่อมคลาย

ผู้ถวาย  พระองค์ไว้   เป็นบูชา

………………………………….

“จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะพระองค์พระทัยดี

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”

(สดด.118:1)

...................................

S