“...แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์
ความรักของพระเจ้าในผู้นั้น
ย่อมสมบูรณ์...”
(1ยน.2:5)
......................................................
ด้วยพระวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงตรัส
มนุษย์ก็ถือกำเนิดขึ้นบนแผ่นดินนี้
ด้วยพระวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงอวยพระพร
สรรพสิ่งบนโลกก็ดำเนินไป
อย่างสมบูรณ์สวยงาม
แต่มนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างให้เป็นนายเหนือสัตว์ต่างๆ
กลับเลือกที่จะใช้อิสรเสรีภาพที่พระเจ้าทรงมอบให้
ทำลายสิ่งสร้างของพระเจ้าตลอดเวลาที่ผ่านมา
พระวาจาที่พระจ้าทรงตรัสสอน ตักเตือน แนะนำ
ตลอดมาตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงปัจจุบัน
มนุษย์นำมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
แต่น้อยคนที่จะปฏิบัติได้ตามพระวาจานั้น
.............................................
“จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง
ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง”
(ยก 1:22)
............................................
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ
จากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม
ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงดำรงชีวิตในสภาพมนุษย์
พระองค์ทรงปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า
และหนักแน่น เที่ยงตรงต่อคำสอนนั้น
จวบจนพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว
พระองค์ก็ยังทรงห่วงใย เน้นย้ำเราให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า
เพื่อความรอดพ้นและได้รับชีวิตนิรันดรร่วมกับพระองค์
พระองค์ตรัสว่า
“...จะต้องประกาศในพระนามของพระองค์
ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาป...”
(ลก 24:47)
..............................
คริสตชนเป็นพยานด้วยแบบอย่างของชีวิตมากน้อยเพียงใด?
มีถ้อยคำที่คอยเสริมกำลังใจกันและกันหรือเปล่า?
มีกิจการที่แสดงออกซึ่งความรักต่อทุกคนแม้ศัตรูหรือไม่?
มีสายตาที่เป็นมิตรต่อคนรอบข้างใช่ไหม?
มีการกล่าวถึงผู้อื่นด้วยการส่งเสริมเกื้อกูลกันจริงหรือ?
ให้อภัยในความผิดบกพร่องของเพื่อนหรือเปล่า?
หรือมีกิจการใด คำพูดใดที่ได้รับแบบอย่างมาจากพระคริสตเจ้าบ้าง?
“...แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์
ความรักของพระเจ้าในผู้นั้น
ย่อมสมบูรณ์...”
(1ยน.2:5)
…………………………
ขอให้ลูกมีสายตาแห่งความรัก
เฝ้าพิทักษ์ทุกกิจการพระองค์มั่น
เป็นพยานถึงพระองค์ในทุกวัน
พระวาจาพระองค์นั้นจำขึ้นใจ
เป็นพลังคอยเสริมสร้างกันและกัน
กิจการนั้นเสริมส่งใจให้สดใส
รักศัตรู เพื่อนผองมิตรรู้อภัย
รักยิ่งใหญ่คือสละให้แม้ชีวัน
......................................... |