คนรุ่นหนึ่งผ่านมาแล้วอีกรุ่นหนึ่งผ่านไป
แต่โลกยังคงอยู่ตลอดกาล
(ปัญญาจารย์1:4)
............................
วันนี้นักเรียนหญิงระดับมัธยมปลายกำลังนั่งเตรียมกิจกรรมกีฬาสี
บ้างก็ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ บ้างก็ควงคทาอย่างพร้อมเพรียง
หน้าตาเอาจริงเอาจัง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส
ในวัยที่ยังสดสวย และเป็นวัยที่ทำให้โลกสดชื่นด้วย
ฉันยืนมองทรงผม ผิวพรรณ นิ้วมือ หน้าตาของพวกเธอทีละคน
แขนเสื้อที่ถูกถลกขึ้นเพื่อไม่ให้เปื้อนสี
โชว์แขนขาวนวล เข้ากับกำไลสีเงินที่สะท้อนแดดแวววาว
ชีวิตเด็กศิลป์...ช่างมีสีสันต์ที่สวยสดงดงามจริงๆ
ทำให้ฉันคิดถึงอดีตของตนเอง
เมื่อครั้งที่เรียนระดับมัธยมปลายในโรงเรียนประจำจังหวัด
ฉันก็อยู่ในกลุ่มเด็กศิลป์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการมากมาย
วันเวลาผันผ่านไปไวยิ่งกว่าความเร็วของแสง
จากวันนั้นจวบวันนี้
อะไรหลายๆอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงไป
วัยวันทำให้ฉันต้องเปลี่ยนสถานะจากเด็กเป็นผู้ใหญ่
ทั้งที่ในบางเวลาฉันไม่อาจปฏิเสธความเป็นเด็ก
ที่ไม่เคยหายไปจากลักษณะนิสัยของตนเองได้เลย
ความร่วงโรยของทุกส่วนในร่างกาย
พัดพาเอาความสดใสของวัยวันผ่านไป
หากแต่ว่า..อย่าได้พัดพาเอาความมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดีผ่านไปด้วยเลย
ขอให้วันเวลาเป็นประสบการณ์สั่งสมที่ทรงคุณค่า
ติดตราไว้เป็นอนุสรณ์
แม้ร่างกายจะเสื่อมสลายไปแล้วก็ตาม
ยังมีชื่อจารึกไว้บ้างว่าได้เคยมีความดีงามวาดไว้บนแผ่นดินถิ่นเกิด
ให้ประโยชน์แก่ชนรุ่นหลังต่อไป
………………………….
วัยรุ่นเอ๋ย...เธอเป็นดั่งน้ำค้างยามเช้าที่แสนสดใส
เธอผลิดอกใบให้สีสันต์แก่มวลมนุษย์โลก
เธอเริงร่าแย้มยิ้มอิ่มเอมใจไร้ทุกข์โศก
เธอเป็นดั่งลมพัดโบกให้โลกเย็นชื่นใจ
ขอให้เธอเกี่ยวเก็บวันเวลาที่แสนหอมหวาน
ด้วยธรรมทานที่เธอจะหว่านให้โลกสดใส
ใช้ทุกวินาทีให้มีคุณค่าก่อนวันเวลาจะผันผ่านไป
เพราะเราไม่อาจเรียกอดีตคืนได้....
....ทำสิ่งดีสะสมไว้ให้ชนรุ่นต่อไปได้ชื่นชม
......................................... |