“ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตโดยอาศัยความเชื่อ”
(รม 1:17)
....................................
“เติมฝัน”
คนหมดฝันไม่ต่างอะไรกับคนหมดลมหายใจ
เพราะมือไม่อยากคว้าไขว่และใจไม่อยากก้าวต่อ
สมองที่ว่างเปล่ากับชีวิตที่เลื่อนลอยทดท้อ
เป็นตัวเกิดก่อให้ใจตัดพ้อต่อโชคชะตา
จะทำอย่างไรให้ดวงใจได้จุดใหม่นะไฟฝัน
มองย้อนกลับไปนั่น...ใครกันที่เป็นเชื้อไฟให้ใจกล้า
กับเรื่องราวเพียงช่วงชีวิตที่ติดมากับกาลเวลา
อย่าทำให้ทั้งชีวิตที่มีค่าต้องอ่อนล้าเพราะไฟมอดลง
..................................
เปิดปีใหม่มาด้วยดวงใจที่ว่างเปล่า
จนต้องมานั่งทบทวนตนเองว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้
เกาะกุมหัวใจของตนเองจนเกือบจะกลายเป็นดวงใจไร้ความฝัน
เมื่อเรารู้สึกผิดหวังกับเรื่องราวบางอย่างของชีวิต
เมื่อเราคิดและตัดสินกับบางเหตุการณ์ด้วยความรู้สึกของตนเอง
เมื่อเราพลาดจากสิ่งที่เราทุ่มเทและตั้งใจไว้
ก็เหมือนเราเอาทั้งชีวิตของเราไปผูกติดกับสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
เหมือนบ้านหลังหนึ่งที่เราลงทุนลงแรงซื้อมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย
วันหนึ่ง...เกิดเพลิงไหม้เผาผลาญ
เราจะยังคงยืนหยัดอยู่ในบ้านที่แสนรักบนกองเพลิงหรือ
...หมดทั้งตัวยังดีกว่าหมดทั้งชีวิต...
เรื่องราวบางเรื่องราว..ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
อาจจะมีคุณค่าจนอยากจะเก็บรักษาเอาไว้
แม้จะยากแก่การเก็บรักษาก็ตาม
ทุกสิ่งอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
มองจุดหมายปลายทางสว่างไสวที่มีเพียงหนึ่งเดียว
แล้วเติมเชื้อไฟฝันให้ลุกโชน
ก้าวไปข้างหน้า....อย่างมั่นคง
แม้ข้างทางที่แสนสวยงามหรือน่าหวาดหวั่น
ก็ไม่อาจดับไฟฝันที่มีจุดหมายปลายทางนี้ไปได้
..............................................
คนเรา...อยู่กันได้ก็ด้วยฝัน
................................................ |