สิ่งมีชีวิตน้อย ๆ สองตัว วิ่งไล่กันไปมาบนกิ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ หรือต้นตะเบบูยา ดอกไม้ประจำโรงเรียนของฉัน หลังจากที่ฝนเพิ่งซาลง  ร่องรอยของปรอยหยาดฝน เกาะอยู่บนใบไม้ สีเขียวอ่อน ของต้นตะเบบูยา และต้นหนวดปลาหมึก ที่ยืนต้นตระหง่านโดดเด่น อยู่กึ่งกลางระหว่างตัวอาคารเรียน  ในขณะที่ฉันคุมสอบ อยู่ในห้องบนชั้น 3 ของอาคารเรียน  งานคุมสอบเป็นงานที่น่าเบื่อสำหรับครูทุกคน แต่เป็นหน้าที่ที่พึงต้องกระทำ  การหาพื้นที่ เพื่อให้สายตาได้ผ่อนคลาย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะคุมสอบ  ฉันชอบที่จะมองออกหาต้นไม้สีเขียว ๆ ต้นใหญ่ ๆ สูง ๆ ยิ่งหลังสายฝนซาลงแล้ วยิ่งน่ามอง  ใบไม้สีเขียวที่เคยดูแห้งผาก  ใบหยาบกระด้างกลับดูรื่นตา สะท้อนแสงแดดอ่อนๆสวยงามยิ่งนัก  สิ่งมีชีวิตน้อย ๆ สองตัว ที่เผอิญวิ่งผ่านเข้ามา ในพื้นที่สายตาของฉันคือเจ้ากระรอกน้อย (บางทีฉันก็ไม่แน่ใจนักว่ามันคือกระรอกหรือกระแต เพราะเมื่อฉันเรียกกระรอกก็มีคนค้านว่ามันคือกระแต แต่พอฉันว่ามันคือกระแต  กลับมีแต่คนเรียกมันว่ากระรอก) เอาเป็นว่าฉันว่ามันคือกระรอกก็แล้วกันนะ  เจ้ากระรอกสองตัว ตัวหนึ่งสีขาวผสมสีเทา  และอีกตัวหนึ่งสีน้ำตาล สนุกสนานเริงร่า วิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข หลังสายฝนลาฟ้าไปแล้ว  เปลือกไม้ที่ชุ่มฉ่ำน้ำคงเป็นที่หมายปองของบรรดากระรอกน้อย  ฉันสังเกตว่าเจ้ากระรอกน้อยทั้งสองตัวพยายามแทะเปลือกไม้ออกเพื่อหาอะไรสักอย่างหนึ่ง หรือเพื่อลิ้มรสความหอมหวานของน้ำที่ชะเปลือกไม้หรือเปล่านะ

พูดถึงเจ้ากระรอกน้อย  น่าแปลกที่ตามต่างจังหวัดกลับไม่ค่อยพบเห็นเท่าใดนัก  ผิดกับในกรุงเทพ ที่ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยป่าปูน จะมีต้นไม้เติบโตสลับบ้างเป็นระยะตามถนนหรือบ้านแต่ละหลัง ที่มีสายไฟห้อยระย้าเชื่อมระหว่างต้นไม้อยู่  และสายไฟเหล่านี้แหละก็เป็นเส้นทางสัญจรของบรรดากระรอกน้อยด้วย  พวกเธอจะปีนป่ายจากต้นไม้ต้นโน่นของบ้านหลังนั้น ไต่ไปตามสายไฟ และมาปีนป่ายเล่นต้นไม้ต้นนี้ ของบ้านหลังถัดไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง เสมือนสนามเด็กเล่นที่ไม่มีขอบเขตจำกัดเท่าที่สายไฟจะโยงระย้าไปถึง

หลายเดือนก่อนฉันมักได้ยินเสียงหม้อแปลงใหญ่ข้างโรงเรียนระเบิดดังสนั่นบ่อยๆ  ซึ่งเป็นต้นเหตุของไฟดับทุกครั้งไป เจ้าตัวต้นเหตุก็คือ เจ้ากระรอกน้อยจอมซนที่คงวิ่งเล่นพลาดไป ถูกสายไฟฟ้าแรงสูงที่ไม่พึงประสงค์เข้าจนตัวเองถูกไฟช๊อตเสียชีวิต คงจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดที่สุดของบรรดาฝูงกระรอกในเมืองกันทีเดียว

อย่างไรก็ตาม  สิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ เหล่านี้ ก็เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติของคนในเมือง  ของเด็กตัวเล็กๆที่พากันตื่นเต้น กระโดดเร้า ๆ ส่งเสียงเซ็งแซ่ชี้ให้เพื่อนๆให้คุณครูดู เป็นที่สนุกสนานกันเต็มที่ในกลุ่ม   เด็กๆต่างส่งเสียงแสดงความคิดเห็น ขุดคุ้ยประสบการณ์เดิมของตนเองออกมาอย่างเมามัน ถึงสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่แสนน่ารัก ชนิดเดียวที่คนเมืองจะได้พบเจอแล้วรู้สึกสุขใจสบายตา ให้ความรู้สึกถึงอิสระเสรีภาพที่แท้จริง   ครั้งเมื่อคนเมืองรู้สึกอึดอัด คับแค้นใจกับสภาพการงาน และสภาพสังคมจนอ่อนล้าระอาใจแล้วก็ยังมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆเหล่านี้แหละ ที่คอยทดแทนอิสระเสรีภาพที่เราขาดหายไปได้ในความรู้สึกจริงๆ

....................................................