พ่อถามว่า “ใครคิดว่าตนเองเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกบ้าง”

นั่นคืออยู่ต่อหน้าเขาเราก็ทำดีกับเขา แต่ลับหลังเขาเราก็นินทา

ประโยคคำถามของคุณพ่อยังก้องอยู่ในใจของฉันทุกวัน

เพราะฉันไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้หรือพูดในสิ่งที่อยากจะพูด

กับบุคคลบางประเภทในชีวิตประจำวัน

ฉันจึงทำได้แต่เพียงแอบรู้สึกติดลบอยู่ภายใน

แต่ในใจก็ท่องอยู่เสมอว่า

“...จงรักศัตรูของท่าน

และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน”

ดังนั้น กิจการที่เกิดขึ้นจากความพยายามที่จะไม่ โกรธ เกลียด และให้อภัย

จึงอาจจะเป็นกิจการที่ขัดแย้งกับความรู้สึกลึกๆในใจ

ที่เมื่อใครกล่าวถึงบุคคลๆนี้ในความรู้สึกเดียวกัน

มันก็เป็นสิ่งที่ยากที่เราจะบอกว่าเราไม่เห็นด้วยกับเขา

หรือไม่รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา

และกลับกลายเป็นการนินทา และขาดความจริงใจไปเสีย

จนกระทั่งกลายเป็น “คนหน้าไหว้หลังหลอก”

ฉันเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ ?

...................................................

จะอย่างไรก็ตาม...คำพิพากษาเป็นของพระเจ้า

ในขณะที่ฉันซึ่งเป็นเพียงมนุษย์อ่อนแอมากคนหนึ่ง

กำลังใช้ความพยายามที่จะปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ

ตามคำสอนของพระเจ้า

ด้วยความยากลำบาก แต่มีความตั้งใจเต็มเปี่ยม

.........................................................

“จะทำอย่างไรให้ตรงคำพระสอน

อยากจะส่งพรให้คนที่ไม่รักได้ไหม

ดวงใจคัดค้านแต่การกระทำที่ทำไป

คือคำภาวนาที่มอบให้ แม้ในใจยังขุ่นเคือง”

.................................................