“ข้าฯขอขอบพระคุณ พระทรงจุนจิตค่ามี
สันติได้เปรมปรีดิ์ สุขในพระคริสตองค์”
..............................................................................
ดึกดื่นคืนนี้มีแสงดาวลอยกลาดเกลื่อน
เมฆปุยบางลางเลือนเลื่อนผ่านจันทราดวงใส
กาบกล้วยพลิ้วปัดปลิ้วกวัดแกว่งก้านใบ
ผสานเงาหวานไหวเมื่อใบไม้ต้องสายลม
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหยุดเถิดหนามาพัก
ให้สายลมแห่งความรักพัดพาความสุขสม
ในค่ำคืนแห่งแสงดาวเสียงหรีดหริ่งดังระงม
ผสานผสมเป็นหนึ่งเดียวกับสายลมแห่งค่ำคืน
........................................................
ในยามที่ชีวิตต้องวุ่นว้ากับผู้คนและกิจการต่างๆ
จนบางครั้งเกิดปัญหาทั้งกับผู้คนและการงาน
ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นแผนการที่ดีที่พระมอบให้
เพื่อว่า เราจะได้หยุดพักและอยู่อย่างสงบนิ่งกับตัวเองบ้าง
มองดูดวงดาวยามค่ำคืนเพียงลำพัง
มองดูดวงจันทร์ลอยเด่นสง่าด้วยความชื่นชม
รับสายลมยามค่ำคืนด้วยใจสงบนิ่ง
เราเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวในวงกว้างมากขึ้นเมื่อเราทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง
เราเห็นความสวยงามของธรรมชาติรอบตัวมากขึ้น
เมื่อเราละสายตาจากผู้คนและกิจการมนุษย์เสีย
.................................................
ลูกขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับการพักผ่อนที่นิ่งสงบในวันนี้
ขอขอบพระคุณสำหรับค่ำคืนแห่งแสงดาวและดวงจันทรา
ที่ส่องสว่างลงมาในวันที่ต้องการคำตอบของดวงใจ
ลูกขอขอบพระคุณ
......................................................... |