“สำหรับผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ทุกอย่างก็ย่อมบริสุทธ์ผุดผ่อง
แต่สำหรับผู้มีใจชั่วร้ายและไร้ความเชื่อ ไม่มีอะไรเลยที่บริสุทธิ์
ทั้งจิตใจและมโนธรรมของผู้นั้น ถูกทำลายไปหมดแล้ว” 

(ทิตัส 1:15)

....................................

ดินคืนดาว

จากแดนดิน  ถิ่นไกล  ในไพรกว้าง

เหยียบก้าวย่าง  สู่เมือง  ประเทืองแสง

ให้ชีวิต  เป็นบทเรียน ราคาแพง

แลกด้วยแรง  แห่งกายา  กับเศษเงิน

ใช้ความซื่อ  ถือสัตย์  ประหยัดมั่น

ทุ่มแรงกาย บากบั่น  มิขวยเขิน

ใครจะมอง  ว่าต่ำต้อย  ด้อยเหลือเกิน

ใครจะเมิน ใครจะชัง  ช่างประไร

ค่าของคน  ผลชีวิต  ใช่ติดทรัพย์

ยามลาลับ  กลับคืนดิน  ก็สิ้นไร้

เหลือเพียงแค่  คุณความดี  ที่ทำไป

คนในเมือง  คิดว่าใหญ่  ใช่ยั่งยืน

..................................................................

ความแตกต่างระหว่างเด็กๆในเมืองกับเด็กๆในชนบท

โดยเฉพาะเด็กๆที่อยู่ห่างไกลแสงสีและเทคโนโลยีใหม่ๆ

เมื่อมาอยู่ร่วมกันในวัยเดียวกัน

ภาพลักษณ์ความแตกต่างช่างห่างกันเหลือเกิน

ตั้งแต่ดวงตาที่แสนซื่อ แววตาใสใสที่ไร้เดียงสา

คำพูดที่สุภาพนบนอบอ่อนหวานอย่างไม่ต้องแต่งเติม

เรา...ฐานะคนเมือง  เมื่อความเจริญมาถึงเราก็ทิ้งความสวยงามเหล่านั้นเสีย

เรารับเอาวัฒนธรรมใหม่ๆ  พฤติกรรมใหม่ๆ และทุกสิ่งใหม่ๆเข้ามา

และเราก็สลัดสิ่งเก่าๆที่เราคิดว่าล้าสมัย ไร้คุณค่าออกไป

เราวิ่งตามการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่หยุดนิ่ง

ใครวิ่งได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งได้เปรียบ

หลับหูหลับตาวิ่ง

จนไม่เคยสนใจคนรอบข้างว่าเราวิ่งชนใครล้ม ใครบาดเจ็บข้างทางบ้าง

...........................................................

จากดินคืนดาวในคราวนี้

จากผงธุลีมีค่าแสน

จากความบริสุทธิ์ในดินแดน

ที่ห่างไกลแล้งแค้นกลับรุ่งเรือง

........................................................