ปัญญาจารย์ 12:8
“ปัญญาจารย์ว่าอนิจจัง อนิจจัง สารพัดก็อนิจจัง”
..............................................................
อนิจจังเป็นภาษาบาลีที่แปลได้ว่า ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน
ไม่แน่นอน ตั้งอยู่ในสภาวะเดิมได้ยาก
........................................................
ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง
ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืนถาวร
แม้หินผาแข็งแกร่งยังมีวันผุกร่อน
ทุกบทตอนของชีวิตย่อมมีวันเปลี่ยนไป
สายน้ำไม่มีวันย้อนกลับคืน
ไม่มีใครฝ่าฝืนกฎไปได้
แม้มีอำนาจวาสนาสักปานใด
สิ้นสุดอายุขัยก็ตายลง
ไขว่คว้าหาสิ่งใดในโลกนี้
ก็ไม่มีที่ยั่งยืนสมประสงค์
สะสมสิ่งดีงามตั้งมั่นคง
มุ่งตรงสู่สวรรค์อันเป็นนิรันดร์
....................................................................
ได้ดอกไม้ช่อสวยที่แสนหวงแหนมาชื่นชม
เฝ้ามองเช้ามองเย็นพินิจพิเคราะห์ถึงความงดงามของมัน
คุณค่าที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมันมาพร้อมใบประกาศเกียรติคุณความดี
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป
ดอกไม้ช่อสวยก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
ดอกสีม่วงสดเริ่มโรยรา
บางดอกชอกช้ำเน่าเปื่อยร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง
บางดอกเหี่ยวแห้งสีสันต์จืดชืดชา
เฝ้ามองดูช่อดอกไม้อย่างอาลัยอาวรณ์
อยากให้มันคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์
พร้อมกับใบประกาศเกียรติคุณความดีแผ่นนั้น
แต่ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง
ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน
ดอกไม้ช่อสวยที่เคยวางโดดเด่นอย่างเชิดหน้าชูตา
บัดนี้เป็นแค่เพียงขยะชิ้นหนึ่งที่รอวันเน่าสลายหายไป
ใบประกาศเกียรติคุณก็เช่นกัน
ล่วงวันเวลาผันผ่าน
ผู้คนต่างก็ลืมเลือนถึงวันแห่งความชื่นชมยินดีในวันนั้น
หากแต่เจ้าของใบประกาศเกียรติคุณนั้น
จะยังคงรักษาสิ่งดีงามที่ได้เคยปฏิบัติไว้อย่างต่อเนื่อง
เป็นสมบัติของวิญญาณ เป็นความดีที่คงอยู่นิรันดร์ไป
เป็นใบประกาศเกียรติคุณฝ่ายจิตที่ส่งต่อไปยังบ้านแท้ถาวร
และไม่เป็น “อนิจจัง” อีกเลย
................................................................... |