“ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้
เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น”
(ฮีบรู 11:1)
..................................................................
ฉันพยายามค้นหาความหมายของความเชื่อหลายๆแหล่งข้อมูล
เพื่อเปรียบเทียบกันว่าแต่ละข้อมูลมองว่าความเชื่อคืออะไร
เพราะมุมมองของความเชื่อของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันก็ได้
แต่ในภาพรวมจากการค้นหาความหมายนั้น
กลับมีความหมายเดียวกันกับในพระคัมภีร์ของเรา นั่นคือ...
“ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้
เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น”
(ฮีบรู 11:1)
ความเชื่อเป็นเสมือนดวงตาของหัวใจ
เพราะความเชื่อต้องใช้ใจมองเท่านั้นจึงจะเห็น
ต้องใช้ใจสัมผัสจึงจะรับรู้ได้
ความเชื่อในคริสตศาสนาเป็นความเชื่อที่นำไปสู่กิจการดีทั้งปวงในชีวิต
และความเชื่อจะเจริญเติบโตด้วยน้ำหล่อเลี้ยงจากพระวาจาของพระเจ้า
“แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้วจะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย
เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่”
(ฮีบรู11:6)
ความเชื่อจึงเป็นสื่อกลางในการนำทางเราไปสู่พระเจ้า
แต่ความเชื่อย่อมมาจากความรัก
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันสอนนักเรียนคำสอนว่า
หากเรารักใครสักคนสุดจิตสุดใจ
เราย่อมต้องเชื่อในทุกสิ่งที่เป็นเขา ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของเขา
ดังนั้น หากเราบอกว่าเรารักในพระเยซูคริสตเจ้า
เราก็ย่อมต้องเชื่อในทุกกิจการของพระองค์
และย่อมต้องเป็นกระบอกเสียงให้กับพระองค์
ในการประกาศกิจการดีของพระองค์ให้คนรอบข้างได้รู้
....................................................
“ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น
และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ”
(1โครินธ์13:7)
นักบวชสมัยโบราณท่านหนึ่งกล่าวว่า
“ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่เชื่อ
ทุกสิ่งดูง่ายขึ้นสำหรับคนที่มีความหวัง
และง่ายกว่านั้นอีกสำหรับคนที่มีความรัก
และยิ่งง่ายขึ้นไปอีกสำหรับคนที่มีทั้ง
ความเชื่อ ความหวัง และความรัก”
ความเชื่อจะเจริญเติบโตขึ้นด้วยการต่อสู้ในความทุกข์ยากลำบากของชีวิต
ด้วยการพึ่งพาและไว้วางใจในพระเป็นเจ้าอยู่ทุกกิจการความทุกข์นั้น
............................................................
ช่วงนี้เป็นช่วงปีแห่งการเตรียมตัวเข้าสู่ปีแห่งความเชื่อ
ในวันที่ 11 ตุลาคม ที่จะมาถึงนี้
ฉันมีโอกาสตระเตรียมตัวด้วยการศึกษา และอ่านเรื่องราวของความเชื่อต่างๆ
เพื่อนำมาเป็นเสบียงความรู้ถ่ายทอดสู่เด็กๆต่อไป
ด้วยความรู้และหน่วยความจำอันน้อยนิดของฉัน
ความเชื่อจึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งในการดำเนินชีวิตของฉันที่จะขาดพระองค์ไม่ได้เลย
.......................................................
ด้วยความรัก ถักทอ ก่อเส้นใย
ใช้หัวใจ แห่งความหวัง ตั้งมั่นแน่
ผสานต่อ เป็นหนึ่งเดียว ด้วยรักแท้
มีความเชื่อ เป็นตัวแปร ให้ก้าวไป
ทั้งสามสิ่ง มีเป้าหมาย ที่ปลายฝัน
คือสวรรค์ อันพิสุทธิ์ แสนผ่องใส
มีพระเจ้า ผู้นำทาง อย่างห่วงใย
คือจุดหมาย ก้าวเดินไป ใจมั่นคง
............................... |