“และเวลานั้นก็มาถึงแล้วที่ท่านทั้งหลาย
จะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง...”
(ยน 16:32)
..............................................................
หนึ่งเดือนผ่านมานี้ ฉันสังเกตว่า บนพื้นถนน พื้นกระเบื้องทุกที่
มีแต่เจ้ากิ้งกือน้อยสีดำ เดินสวนสนามกันอย่างเมามันทีเดียว
ดีแต่ว่ามันยังไม่ได้เดินครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของเรามนุษย์
มันยังเหลืออาณาบริเวณสำหรับเรามนุษย์ให้ได้เดินเหินบ้าง
ถ้าจะนับแบบคร่าวๆด้วยสายตา ในระยะ 100 เมตรที่เดินผ่านมานี้
ฉันเห็นกิ้งกือน้อยสีดำนี้ราว 20 กว่าตัวเห็นจะได้
ไม่รวมเจ้าลูกตะขาบที่วิ่งปรู๊ดปร๊าดผ่านหน้าฉันไปจนฉันต้อง
กระโดดหลบแทบไม่ทัน
ร้องกรี๊ดกร๊าดประหนึ่งว่ามันเกาะอยู่บนขาฉันแล้ว
ฉันเป็นพวกขยะแขยงสัตว์หลายเท้า และสัตว์ที่ชอบหลบตาหลืบตามรูยิ่งนัก
ฉันตะโกนร้องเรียกน้องคนหนึ่งให้มาดูเจ้าตะขาบน้อยที่วิ่งไร้ทิศทาง
อยู่บนพื้นที่ส่วนบุคคล
ยังไม่ทันได้กระไร น้องคนนี้ก็ยกเท้าเหยียบเจ้าตะขาบดังแกรบ
เสียงฟ้องว่าตัวมันคงกรอบพอดูทีเดียว
ฉันเปรยๆกับน้องว่า บางทีการที่บรรดาสัตว์ใต้ดินขึ้นมาเดินเกลื่อนอยู่บนพื้นดินอาจจะสื่อเรื่องราวบางอย่าง
เช่น ใต้ดินไม่มีที่อยู่อาศัย นั่นคือใต้ดินอิ่มไปด้วยน้ำหรือเปล่า
แล้วถ้าใต้ดินอิ่มน้ำ กว่าจะผ่านหน้าฝนไปน้ำจะไปอยู่ที่ใด
หรือจะมากองอยู่เหมือนที่มันเคยมาเมื่อปีที่แล้ว
สัญญาณแห่งเวลาที่ได้มนุษย์รับการตักเตือนจากพระผ่านทางธรรมชาติ
แต่กระนั้น...เรามนุษย์ก็ไม่ได้ร้อนอกร้อนใจกระไรเลย
น้องคนหนึ่งบอกกับฉันว่า โลกจะแตกแล้วอยากทำอะไรก็รีบๆ ทำนะพี่
ฉันถามว่า แล้วถ้าเราอยากทำในสิ่งที่ไม่ควรทำหละ
น้องตอบแบบแหย่ๆมาว่า ทำเลยพี่แล้วค่อยไปขอโทษพระทีหลัง
คนเราต่างคนต่างคิด ต่างจิตต่างใจ
เมื่อวานนี้ ฉันเพิ่งได้รับการอบรมอัตลักษณ์โรงเรียนคาทอลิก
คุณพ่อให้คำถามว่า...หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเรา
เราจะทำอะไรเพื่อโรงเรียนบ้าง
ฉันคิดว่าเกือบทุกคนน่าที่จะไม่ได้ทำอะไรเพื่อโรงเรียนในเวลาเช่นนั้น
พวกเราควรที่จะกลับไปเตรียมตัวตายอย่างดีที่บ้านกับครอบครัวของเรา
หรือรวบรวมประสบการณ์ชีวิตที่มีประโยชน์เก็บไว้ในชนรุ่นหลังได้เรียนรู้
แล้วคุณหละคะ....จะทำอะไรถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตคุณ
จะชดเชยความผิดบกพร่องได้ครบหรือเปล่า ทำความดีสะสมมามากน้อยแค่ไหน
สร้างอะไรไว้บ้างบนโลกใบนี้ที่พระมอบให้
.................................................................. |