“ความเชื่อ ความหวัง และความรัก
ทั้ง 3 สิ่งนี้พระมอบให้เป็นต้นทุนชีวิตของเรา
เรามีหน้าที่สร้างและเสริมให้ทั้ง 3 สิ่งนี้
เจริญเติบโตงอกงามขึ้นในใจของเรา”
(คุณพ่อยอห์นบัปติสต์สักรินทร์ ศิรบรรเทิง)
.....................................
ในที่ประชุมฝ่ายจิตตาภิบาล
คุณพ่อยอห์นบัปติสต์สักรินทร์ ศิรบรรเทิง ผู้เป็นจิตตาธิการของฝ่ายฯ
ได้กล่าวถ้อยคำประโยคหนึ่งขึ้นก่อนปิดการประชุม
“ความเชื่อ ความหวัง และความรัก
ทั้ง 3 สิ่งนี้พระมอบให้เป็นต้นทุนชีวิตของเรา
เรามีหน้าที่สร้างและเสริมให้ทั้ง 3 สิ่งนี้
เจริญเติบโตงอกงามขึ้นในใจของเรา”
ฉันแอบมาดัดแปลงถ้อยคำนิดหน่อยให้ดูมีพลังขึ้นอีกสักนิด
ตามความรู้สึกเมื่อได้ฟัง
และเมื่อกล่าวถึงเรื่องความเชื่อ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(30 มิถุนายน 2555)
ฉันเพิ่งนำนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6
เข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ โดยเน้นกันที่เรื่องของความเชื่อ เพราะเป็นปีแห่งความเชื่อ
นักเรียนตอบคุณพ่อว่า ความเชื่อคือสิ่งที่เราไม่เห็นแต่เรามั่นใจว่ามี
และความเชื่อของแต่ละคนก็แตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม
หรือการปลูกฝังตั้งแต่เล็กแต่น้อย
ฉันโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวคาทอลิก
ถูกปลูกฝังให้เชื่อในความรักที่พระมีต่อเรา และเราต้องตอบแทนรักนั้น
ความเชื่อของคาทอลิกเป็นความเชื่อที่อยู่บนพื้นฐานของความรัก
จึงเป็นความเชื่อของชีวิต และมีความหวังอยู่เสมอ
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความรัก
เมื่อได้รักแล้วจึงเกิดความเชื่อ และเมื่อได้เชื่อแล้วจึงเกิดความหวัง
ทั้ง 3 สิ่งจึงเจริญเติบโตงอกงามมาพร้อมๆกันในชีวิตคริสตชน
ที่ยอมให้พระเป็นเจ้าเข้ามาดูแล เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
แต่ก็ใช่ว่า...เมื่อมีทั้ง 3 สิ่งแล้วเราจะดีพร้อมสรรพก็หาไม่
ความผิดพลาดบกพร่องยังคงเป็นส่วนหนึ่งของความอ่อนแอของมนุษย์เช่นกัน
หากแต่ว่า ทุกครั้งที่พลาดลงสู่ความผิด
ด้วยการตรึกตรองของมโนธรรมตนเองแล้ว
เราก็ยังพร้อมที่จะกลับมาขอโทษและคืนดีกับพระเสมอ
ไม่ตัดขาดสัมพันธภาพที่ดีนั้นเสีย
วัยรุ่นชายคนหนึ่งยอมที่จะละทิ้งศาสนาด้วยเหตุผลที่ไม่ชอบผู้ใหญ่บางท่าน
ที่เขาเข้ามาคลุกคลีเกี่ยวพันด้วยในแวดวงของศาสนา
ฉันคิดว่าพื้นฐานความรักของเราแต่ละคนมีไม่เท่ากัน
เหมือนที่เขาเรียกกันว่า “ต้นทุนชีวิต”
ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาแก่ชีวิต
แทนที่เขาจะแก้ปัญหากับต้นเหตุ
เขากลับยอมที่จะละทิ้งสิ่งสำคัญของชีวิตไปเพื่อหนีปัญหานั้น
..............................................
ฉันขอบคุณพระที่ให้ฉันมีต้นทุนชีวิตที่ดีพอ
พอที่จะยังคงยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานของความรัก
ที่มีความเชื่อและความหวังค่อยๆเจริญงอกงามขึ้น
แม้จะต้องผ่านความอ่อนแอ ความผิดพลาดบกพร่อง
หรือผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายใดใดก็ตาม
ฉันก็ยังมั่นใจว่าพระไม่เคยทอดทิ้งฉันเพียงลำพัง
และไม่เคยให้ภาระที่หนักเกินไปสำหรับฉันที่จะทำได้
........................................
บนพื้นฐานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่
ความเชื่อ ความไว้ใจ คือธงชัยแห่งความหวัง
แม้ในท่ามกลางความทุกข์ยาก รักยังสร้างพลัง
แม้ผิดพลาดสักกี่ครั้ง แม้ผิดหวังสักกี่ครา
และความรักจะนำทางหัวใจไป
ในทุกที่ที่ความไว้วางใจยังห่วงหา
ดวงใจจึงอิ่ม แม้ร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความรัก เป็นต้นทุนหัวใจ
................................... |