เอื้อมหัตถ์องค์ทรงฤทธิ์ประสิทธิ์สรร

ประทานพรอนันต์ในวันนี้

เสื้อตัวเก่าหม่นหมองครองราคี

พระปราณีสวมเสื้อใหม่ใจครบครัน

ลูกจะละทิ้งบาปใจหยาบช้า

ลูกจะพึ่งพระเมตตาพาสุขสันต์

ลูกจะวางไว้ใจในทรงธรรม์

ลูกจะก้าวสู่ฝันอันอำไพ

ขอบพระคุณอ้อมแขนที่เปิดรับ

ขอบพระคุณเสียงตอบกลับรับว่าใช่

ขอบพระคุณสำหรับเสื้อตัวใหม่

ขอบพระคุณการอภัยในวันนี้

ลูกถูกเปลี่ยนดวงใจให้ใสสะอาด

ใจที่ขาดแหว่งวิ่นหมิ่นศักดิ์ศรี

มีพระองค์โปรดเติมเต็มด้วยอารี

มาวันนี้ลูกจึงมีใจเต็มดวง

...................................................

ทุกครั้งที่เราทำผิดบกพร่องต่อบุคคลที่เรารัก

เรารู้สึกสำนึกผิดและเกรงกลัวต่อสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไป

ว่าจะได้รับการอภัยหรือไม่ อย่างไร

ช่วงเวลาแห่งการเป็นทุกข์ด้วยการไตร่ตรอง

ยิ่งคิดยิ่งเป็นทุกข์  ยิ่งสำนึกยิ่งละอายใจ

กระนั้นการรวบรวมความกล้าที่จะเข้าไปขอโทษ

อาจต้องใช้เวลา ความพร้อมทั้งใจและกาย

เพื่อการเตรียมตัวเตรียมใจว่าความบกพร่องนั้น

จะได้รับการอภัยหรือไม่

เมื่อบุคคลที่แสนรักตอบรับกลับด้วยการอภัยแบบไร้เงื่อนไข

ไร้คำถาม และยอมรับในความอ่อนแอ บกพร่องของเรา

สำนึกแห่งความเป็นทุกข์ยิ่งทวีมากขึ้น

ผนวกกับความปลื้มปีติสำหรับความผิดบาปที่ได้รับการอภัยแล้ว

.......................................

พระเมตตาและความรักของพระองค์หาขอบเขตไม่ได้

พระองค์ทรงอภัยความผิดบกพร่องของฉัน

อย่างไม่ติดใจสงสัย ไม่ระแวงแคลงใจ

ทรงยกโทษบาปผิดของฉัน

เหมือนหนึ่งว่ามันเป็นเพียงเพราะความอ่อนแอของมนุษย์เท่านั้น

..................................

ฉันบอกกับตัวเองว่า...ฉันจะเป็นฉันคนใหม่

ด้วยชีวิตทั้งหมดที่มีต่อแต่นี้ไป

ฉันจะเข้มแข็งในการตัดสินใจ

การปฏิเสธต่อความรู้สึกผิดเมื่อมโนธรรมย้ำเตือน

ฉันจะไม่ดื้อด้านดันทุรังทำในสิ่งที่มโนธรรมบอกว่าผิดอีกต่อไป

ฉันจะกล้ายืนยันในความถูกต้อง

ด้วยพลังที่พระจะทรงมอบให้ฉัน

...........................