“จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด”
(ยน 21:15)
........................................................................
วันนี้ ลูกแกะตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง
เธอต้องการเป็นลูกพระเต็มตัว
พ่อของเธอเป็นคาทอลิก แม่ของเธอเป็นพุทธ
เธอเข้ามาซักถามขอให้ฉันพาเธอไปล้างบาป
ฉันไม่แน่ใจด้วยเหตุผลหลายประการ
ทั้งการเดินเรื่องและความลังเลใจว่าจะมีใครเห็นดีด้วยหรือไม่
ฉันบอกเธอว่าฉันขอเชิญคุณพ่อของเธอมาพบฉันสักครั้ง
เพื่อสอบถามเหตุที่แท้จริงในความต้องการครั้งนี้ของลูกสาว
ในใจก็นึกว่า ถ้าพ่อของเธอมาพบฉัน
อย่างน้อยก็แสดงว่าผู้ใหญ่รับรู้และยินดีในการล้างบาปครั้งนี้
ฉันอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเขา
การพบกันระหว่างฉันกับพ่อของเธอจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
บางทีเธอควรต้องเรียนคำสอนเพิ่มเติมก่อนรับศีลล้างบาปและศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
ฉันวางแผนไว้ว่า ถ้าฉันได้พบพ่อของเธอครั้งหนึ่งแล้ว
ฉันควรจะนัดพ่อของเธอพบพระสงฆ์ด้วย
เพื่อให้พ่อของเธอได้รับรู้ข้อปฏิบัติในการดูแลชีวิตฝ่ายจิตของลูกสาวหลังรับศีลศักดิ์สิทธิ์
มิใช่ปล่อยปละละเลย วัดวาไม่เข้า คำสอนไม่เรียน
เนื่องด้วยประสบการณ์สอนให้ฉันเห็นว่า
ผู้ปกครองนักเรียนคาทอลิกหลายคน ไม่พาลูกมาวัดวันอาทิตย์เลย
วันอาทิตย์กลายเป็นวันเรียนพิเศษต่างๆ
กลายเป็นวันท่องเที่ยว กลายเป็นวันกิจกรรมที่ทำให้พระกลายเป็นส่วนเกิน เป็นภาระ
ทุกครั้งที่ฉันถามว่า ใครไม่ได้ไปวัดวันอาทิตย์บ้าง
ทุกมือน้อยๆที่ยื่นขึ้นมา ทำให้ฉันผิดหวังอย่างแรง
ฉันออกจะขุ่นข้องหมองใจกับคำตอบที่เด็กๆ ตอบมา
ทุกคำตอบเป็นความไม่ใส่ใจของผู้ปกครองทั้งสิ้น
เพราะลูกแกะตัวเล็กๆ จะมาวัดไม่ได้เลย ถ้าพ่อแม่ไม่พามา
ฉันจำได้ว่า ในยามที่ฉันยังเล็ก
พ่อแม่ต่างพยายามบังคับให้ฉันเข้าวัดวันอาทิตย์ไม่เคยขาด
ฉันออกจะงอแง และไม่เข้าใจว่าทำไมวันพักผ่อนต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้าวัด
แต่ฉันก็ไม่สามารถขัดแย้งความต้องการของพ่อแม่ได้
เพราะพ่อแม่รู้ว่าสิ่งที่ท่านขัดใจฉัน เป็นสวรรค์ที่ท่านต้องการให้ฉันได้รับนั่นเอง
อาจจะเป็นเหมือนการยัดเยียดให้กับลูกแกะที่ไม่เห็นความสำคัญของทางสวรรค์
แต่ในยามที่ฉันโตแล้ว
มันกลายเป็นความคุ้นเคย มันกลายเป็นชีวิต และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ฉันพูดได้เต็มปากว่า ฉันมีพระคุ้มครองด้วยบุญของพ่อแม่อย่างแท้จริง
ไม่มีสักอาทิตย์เลยที่ฉันจะขาดวัดไปได้
ขาดไม่ได้จริงๆ แม้แต่ในวันที่ท่องเที่ยวอยู่ต่างจังหวัด
ถ้าในตารางเดินทางมีวันอาทิตย์คาบเกี่ยวอยู่ด้วย
สิ่งแรกที่ฉันต้องกระทำคือ สืบหาวัดที่อยู่ใกล้สถานที่ที่ฉันจะไป
หรือเลื่อนวันเดินทางไม่ให้ตรงกับวันอาทิตย์ไปเสีย
พ่อแม่เป็นผู้นำพระพรยิ่งใหญ่มาสู่ลูกๆ
คำพรจากปากของพ่อแม่ เป็นพรที่ส่งตรงให้ลูกเสมอ
ฉันคงตกนรกวันละหลายร้อยรอบถ้าขาดคำภาวนาของพ่อแม่เพื่อฉัน
ด้วยความอ่อนแอ พร้อมที่จะตกอยู่ในบาปทุกขณะจิตของฉัน
พ่อและแม่จึงต้องคอยพร่ำสวดภาวนาเพื่อฉันและพี่น้องของฉันทุกวัน
แล้วฉันในฐานะแม่หละ...นำพระพรของพระให้ลูกบ้างหรือไม่
สวดภาวนาให้พวกเขาบ้างไหม
เคยยัดเยียดสวรรค์ให้เขาบ้างหรือเปล่า
..................................................................................
“ประโยชน์อะไรที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นมรดกแต่ต้องสูญเสียสวรรค์ไป”
ถ้าลูกของคุณได้เป็นนักปราชญ์มีชื่อเสียงก้องโลก
แต่วิญญาณอยู่ในไฟนรกคุณจะยินดีหรือ?
............................................................ |