“อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลกที่อาจเป็นสนิมและแมลงกินเสียได้

....ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย”

( มธ 6: 19-21)

....................................................

ในช่วงวิกฤตมหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้

ทั่วทุกแห่งต่างได้รับผลกระทบกันหนักบ้างเบาบ้างตามสภาพการณ์

บ้างก็สูญเสียทรัพย์สินที่หามาสะสมไว้แทบชั่วชีวิต

บ้างก็แทบล้มละลายที่ธุรกิจต้องจ่อมจมอยู่ใต้น้ำ

เสียคุณยายท่านหนึ่งที่ร่ำไห้กับการสูญเสียครั้งนี้

ด้วยวัยที่เหนื่อยล้า และยังต้องพลัดพรากจากบ้านตนเอง

ออกมายังศูนย์อพยพ

คุณยายเฝ้าร่ำพร่ำพรรณาว่า ยายหมดแล้ว ยายไม่มีอะไรเหลือแล้ว

ฉันนั่งฟังข่าวแล้วก็สะท้อนจิตใจ

กับคุณยายที่แกคงมีทรัพย์สมบัติพอได้ใช้ในยามแก่เฒ่า

ก็มีอันต้องสูญสลายเสียหายไปซะสิ้น

ทรัพย์สมบัติที่ขโมย(ที่มาในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งน้ำด้วย)และแมลงมากัดกินได้

ยิ่งมีมากก็ยิ่งห่วงอาลัยอาวรณ์มากขึ้น

บ้านของฉัน ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไรมากมาย

แต่กระนั้น ในขณะที่ฉันเฝ้าบอกตนเองว่า

ไม่เห็นต้องพะวงหรือห่วงอะไรเลย อะไรจะเกิดก็เกิดเถิด

แต่พอได้รับข่าวถึงระดับน้ำแต่ละครั้ง

ฉันก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก

แม้จะยังพอนิ่งนอนใจได้ในระดับน้ำที่ขึ้นมาช้าๆ แต่เรื่อยๆนี้

ฉันยังคงแวะเวียนเข้าออกต่างจังหวัดและบ้านกรุงเทพเป็นระยะ

เพื่อดูข้าวของเล็กน้อยนั้นว่ายังปลอดภัยดีหรือไม่

บางทีก็นึกว่า ทำไม ไม่ท่วมสูงๆซะให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ

จะได้รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรเสียที

............................................

“ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย”

ตัวอยู่ต่างจังหวัด แต่ใจอยู่กรุงเทพฯ

กับสมบัติเล็กน้อยบนโลกใบนี้

............................