เพลงหนึ่งขับทำนองเนื้อร้องเอาไว้ได้สวยงาม

“คนเราอยู่กันได้ก็ด้วยฝัน....”

ถ้าคนหมดฝัน คนๆ นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว

ในยามที่ฉันมีความฝันอันสวยหรู

ฉันก็พร่างพรูพลังฝันนั้นออกมาให้ใครสักคนที่น่าจะต่อเติมฝันฉันให้เต็มได้

แต่แล้ว...ใครคนนั้นกลับทำฝันฉันพังทลายลงอย่างไม่เหลือเยือใย

คนหมดฝันก็เหมือนคนตาย

ชีวิตก็จืดชืดไร้สีสัน หมดพลังในการดำเนินชีวิตต่อไป

แต่พระได้ให้ภูมิต้านทานที่ดีแก่ฉันเสมอ

เพราะเมื่อความฝันที่ดูคล้ายจะมอดดับไปเพราะใครคนหนึ่ง

ตัวฉันก็จะพยายามผลักดันตัวเองให้พร้อมที่จะต่อเทียนแท่งใหม่

เติมไฟฝันใหม่ให้กับชีวิตอีกครั้ง

อาจจะใช้เวลาในการต่อไฟฝันกันบ้างแล้วแต่ร่องรอยแห่งการโดนทำลาย

ฉันไม่อยากเป็นคนไร้ความฝัน ไม่อยากเป็นคนที่ตายแล้ว

..........................................

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน

ฉันก็ไม่ควรทำลายความฝันของผู้อื่นด้วย

ประโยคเดิมๆ ที่ฉันจำได้ขึ้นใจในทุกก้าวชีวิตคือ

อย่าทำลายความฝันของคนอื่น เพราะนั้นอาจจะเป็นฝันสุดท้าย

ที่หลงเหลืออยู่สำหรับหนึ่งชีวิตของเขาแล้ว

......................................

อย่าให้ชีวิตหมดความฝัน

อย่าให้ทุกวันผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย

อย่าให้ใครเข้ามาหมายทำลาย

ให้ความฝันสูญหายไปจากชีวิต

อย่าหมดพลังเพียงเพราะคำคน

อย่าให้ใจหมองหม่นเพราะคำคนมาลิขิต

ฝันไม่สิ้นสูญไปจากดวงชีวิต

และจะตามติดต่อไฟฝันทุกวันไป

................................................