เหนื่อยไหม....
คำถามที่ใจถามไถ่อยู่เสมอ
กับความวุ่นวายในชีวิตที่ต้องพบเจอ
เหน็ดเหนื่อยไหมเธอ...ฉันอยากถามใจ

พักใจบ้าง...
ปล่อยให้ใจได้เปล่าว่างและร้างไร้
หยุดวิ่งตาม หยุดถามหา หยุดคิดให้วุ่นวายใจ
ทำตัวให้ช้าลงหน่อยได้ไหม...ไม่เหนื่อยใจเกินทน

พักกันเถอะ...
ให้ชีวิตได้เจอะบรรยากาศสดใส และสายฝน
ในวันที่ได้หลุดออกจากชีวิตที่ไม่มีใครสักคน
วันที่เป็นตัวตนของตน...เพื่อตนจริงๆ

ไปกันไหม....
ออกจากเมืองใหญ่ สู่ขุนเขา ลำเนาไพรอันใหญ่ยิ่ง
จะไปเก็บเกี่ยวลมหายใจของชีวิต อันเป็นที่พึ่งพิง
แล้วจะลืมทุกสิ่งที่วุ่นวาย...ให้ล่วงเลยผ่านไป

โอ้..ความสงบ...
สิ่งที่ใจค้นพบ คือกลับคืนสู่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
ทิ้งความอ่อนล้า ทิ้งการต่อสู้ ดิ้นรน ให้หลุดออกไป
ไปกอบโกย..ความสดใส...กับสิ่งสร้างยิ่งใหญ่ของพระองค์

โอ้พระบิดาผู้ใจดี มีเมตตา
โปรดทรงกรุณา ตัวข้าฯผู้แสนต่ำต้อย ลืมหลง
เดินบนถนนชีวิต...ก็เหมือนพลัดป่าพลัดดง
เหนื่อยล้าก็ล้มลง...ตามประสาคนที่อ่อนแอ

....................................
เอื้อมพระหัตถ์อันแสนอบอุ่น
โปรดประคองใจข้าฯให้กรุ่นด้วยรัก...ในวันพ่ายแพ้
โปรดนำใจข้าฯให้พ้นภัย...ในวันอ่อนแอ
โปรดทรงเลี้ยงดูแล...ปกปักษ์ พิทักษ์ และรักษา...ข้าฯด้วยเทอญ
.
.............................
วันนี้ได้รับมอบหมายให้แกะเนื้อเพลง บทเพลงแด่พ่อในอัลบั้มสุดแต่น้ำพระทัย
ขณะกำลังนั่งแกะเนื้อเพลงอยู่
ครูรุ่นน้องคนหนึ่งก็เดินมาถามว่าฉันกำลังทำอะไร
เธอรีบกุลีกุจอไปหยิบแผ่นเนื้อเพลงจากปกอัลบั้มที่เธอมีมาให้ฉัน
เป็นอันว่าฉันไม่ต้องแกะเพลงนี้ที่ละท่อนแล้ว
.....................................
ระหว่างที่พิมพ์เนื้อเพลงอยู่นั้น
ฉันก็นั่งนึกทบทวนไปด้วยว่า
บางทีความสะดวกสบายก็ทำให้ของบางอย่างหมดคุณค่าลง
สิ่งที่ได้มาง่ายๆ มักถูกมองไม่เห็นคุณค่าไปเสีย
หากวันนี้ ... ฉันยืนยันว่าจะพยายามแกะเนื้อเพลงนี้เองทีละประโยค
สิ่งที่ฉันจะได้รับคือ เนื้อหาของบทเพลงทีละท่อนที่จะถูกกลั่นกรอง
ถูกแปลความหมาย และคงมีประโยคโดนใจให้ได้จดจำกันบ้าง

..........................................
วันนี้...ทำหน้าที่ครูที่ดีด้วยการสอนชดเชยให้กับเด็กน้อย
เนื่องจากวันศุกร์และวันเสาร์จะต้องเดินทางไปอบรม
วันนี้รู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ
เพราะต้องการให้เด็กๆ ได้ชมเรื่องราวการสร้างโลก
ที่ตรงกับเนื้อหาในพระคัมภีร์
จึงต้องดูจากเครื่องวีดีโอ..โบราณ
จำต้องแบกเครื่องวีดีโอ พร้อมสายไฟไปตามห้องเรียนจนแขนล้า
ทั้งยังต้องจัดการต่อโต๊ะเก้าอี้ขึ้นไปให้สูงพอที่สาย AV จะเสียบถึงด้วย
และสาย AV เจ้ากรรมก็แสนสั้นจริงๆ
ฉันต้องแบกโต๊ะถึง 2 ตัว และเก้าอี้อีก 1 ตัว วางต่อกัน
ก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปเสียบสายต่างๆ ให้ครบถ้วน
กว่าจะสอนครบทุกห้อง
ทำเอาฉันหมดแรงเลยทีเดียว
นึกถึงท้องฟ้าสดใส กับอากาศดีดีแถวป่าเขาลำเนาไพร หรือชายทุ่งยามเย็น
ฉันอยากไปอยู่ที่นั่นเงียบๆ...คนเดียวสักพักหนึ่ง
ให้ได้มีเวลาตรึกตรองชีวิตตนเองบ้าง
มีเวลาเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติของพระเจ้าบ้าง

...........................................
วันก่อนนี้...ฉันได้ฟังเพลง อ้อนดิน (เพลงเก่าๆ)
ที่ฉันเพิ่งได้มีโอกาสนั่งนึกถึงเนื้อหาของเพลง
ถ้าร่างกายของเรากลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินไปเสียแล้ว
ในยามนั้นคงเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเรา
...ฟังเพลงนี้แล้ว ฉันยังอยากจะก้มหน้าเอาแก้มไปแนบผืนดินซะให้ฉ่ำใจ....
และก็อยู่แบบนั้นนานๆ
เหมือนกำลังซึมซับเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผืนดินผืนนั้น
หรือไม่เช่นนั้น ก็หาต้นไม้ใหญ่ๆ สักต้น แล้วเข้าไปกอดไว้
คิดว่าตนเองกำลังเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ต้นนั้นเสีย
บางที น่าจะเกิดความสงบสุข ในจิตใจที่กำลังเหนื่อยอ่อนก็ได้
นั่นแหละ...คือสิ่งที่ฉันอยากทำในช่วงที่ฉันอาจจะมีโอกาสบ้าง
เช่นในวันที่ต้องไปอบรม ไปเข้าเงียบ ไปอยู่ในที่ที่เป็นตัวเอง
และเก็บเกี่ยวอาหารใจให้ได้มากที่สุด
...เก็บพลังไว้ใช้ยามอ่อนแรง...
.................................................