29 มีนาคม

หลังจากที่ดิฉันเข้าไปในห้องอาหารแล้ว ในระหว่างที่ฟังบทอ่านอยู่นั้น จิตของดิฉันเห็นว่า พระเป็นเจ้ากำลังทอดพระเนตลงมายังพวกเขาทุกคน ดิฉันคงอยู่กับพระิบิดาเจ้าตามลำพัง ในวินาทีนั้นเอง ดิฉันได้รับความรู้มากขึ้น เกี่ยวกับทั้งสามพระบุคคล ผู้ที่เราจะเพ่งพิศนิรันดร และหลังจากเวลาผ่านไปนับล้านปี เราก็จะพบว่า เราพิ่งจะเริ่มต้นการเพิ่งพิศภาวนาของเราเท่านั้น ความเมตตาของพระเป็นเจ้า ช่างยิ่งใหญ่นัก ที่พระองค์ทรงยอมให้มนุษย์ มีส่วนร่วมในความบรมสุขของพระองค์ ได้มากถึงระดับนั้น แต่ในเวลาเดียวกัน ดวงใจของดิฉันก็รู้สึกเจ็บปวด เมื่อคิดว่า วิญญาณเป็นอันมาก ได้ปฏิเสธควมสุขนี้ (1439)

จงบันทึก และจงประกาศเรื่องความเมตตาของเรา จงบอกวิญญาณทั้งหลายว่า พวกเขาแสวงหาความบรรเทาใจจากที่ใด ที่นั่นคือบัลลังก์แห่งความเมตตา (ศีลอภัยบาป) ในที่นั้น อัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ที่สุดบังเกิดขึ้น (และ) เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่มีวันหยุด จงเข้ามาหาอัศจรรย์นี้ เขาไม่จำเป็นต้องดั้นด้นไปแสวงบุญ หรือประกอบพิธีกรรมภายนอกอย่างใด เพียงแต่ เข่าต้องเข้ามาหาแทบเท้าของผู้แทนของเรา ด้วยความเชื่อ และเปิดเผยบาปของเขาก็พอแล้ว และอัศจรรย์แห่งพระเมตตา ก็จะแสดงตัวอย่างสมบูรณ์ แม้วิญญาณดวหนึ่งจะเหมือนซากศพที่เน่าเปื่อย จนมนุษย์คิดว่า ไม่มีทางฟื้นกลับคืน และทุกสิ่งจบสิ้นไปแล้ว แต่พระเป็นเจ้าไม่คิดเช่นนั้น อัศจรรย์แห่งพระเมตตา จะฟื้นฟูวิญญาณอย่างสมบูรณ์ วิญญาณที่ไม่ฉวยโอกาส รับอัศจรรย์แห่งความเมตตาของพระเป็นเจ้านี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก (1448)

*****************************